คุณเป็นคนหนึ่งใช่ไหมที่ใครๆ บอกว่า “พูดเก่ง” จังเลย

            แล้วคุณรู้บ้างไหมว่า สไตล์การพูดของคุณเป็นแบบไหน! คุณสามารถถ่ายทอดหรือแสดงมันออกมาให้ผู้คนมองเห็นตัวตนของคุณอย่างไร การพูดที่บ่งบอกถึงบุคลิกภาพให้ชวนมอง มีเสน่ห์เป็นที่ประทับใจ มีความสง่าผ่าเผย  สร้างความสนใจให้แก่ผู้ฟัง หรือสามารถพูดด้วยท่าทีและการออกเสียงอย่างทรงพลัง นั่นเป็นสิ่งสำคัญของการพูดแบบจุดประกายความคิดของคนฟัง (Sparky Talk) ให้ติดตามคำพูดของคุณ และคิดตามในสิ่งที่คุณพูด จนเกิดความคิดใหม่ๆ มีไอเดียใหม่ๆ เกิดขึ้น จนกระทั่งสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ดีขึ้น มีความแตกต่างจากเดิมหรือต่อยอดความคิดออกมาเป็นรูปแบบใหม่ๆ ของธุรกิจที่ทันสมัยและสร้างสรรค์

คุณเป็นคนหนึ่งหรือไม่? ที่สร้างสไตล์การพูดของคุณในแบบที่คุณต้องการให้เป็น ด้วยวิธีการพูดแบบจุดประกาย (Sparky Talk) ทำได้อย่างไร ตามไปฟังกันค่ะ

            การพูด เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้พูดได้แสดงความสามารถเฉพาะตัวในทักษะการพูด และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งผู้พูดต้องสนใจปฏิกิริยาการตอบสนองของผู้ฟังทั้งวัจนภาษาและอวัจนภาษา เพื่อปรับเทคนิคการพูดให้บรรลุวัตถุประสงค์แต่ละครั้ง ดังนั้น การพูดจึงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ที่ส่งเสริมบุคลิกภาพซึ่งมีความจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการ นักบริหารทุกระดับ นักการตลาด เพราะสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะพูดต่อหน้าชุมชน พูดเพื่อนำเสนองาน พูดเพื่อจูงใจขายสินค้า พูดเพื่อโน้มน้าวผู้บังคับบัญชาหรือผู้ใต้บังคับบัญชา แม้การพูดในโอกาสต่างๆ ก็ย่อมส่งเสริมให้บุคคลนั้นๆ มีโอกาสประสบความสำเร็จ มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานและเป็นที่ยอมรับในสังคม

            คุณคงเคยเห็นคนที่พูดเป็น มีวาทศิลป์ในการพูดนำเสนองานต่อหน้าผู้บังคับบัญชาหรือบอร์ดในองค์กร ที่สามารถโน้มน้าวใจให้เห็นด้วยและคล้อยตามได้ บุคคลเหล่านี้มักประสบความสำเร็จ มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ในขณะที่มีบางคนทำงานเก่ง แต่พูดน้อย พูดไม่เป็นจะเจริญก้าวหน้าน้อยกว่าคนที่พูดเก่ง พูดเป็น นั่นเป็นเพราะการพูดที่มีการเตรียมตัว อย่างมีขั้นมีตอนที่ดีและฝึกฝนมาอย่างถูกวิธีไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา ท่วงทีหรือน้ำเสียงที่ชวนฟังน่าติดตาม ทำให้มีชัยชนะเป็นที่ยอมรับต่อบุคคลทั่วไปเสมอ

            ผู้เขียนเองเคยมีประสบการณ์ครั้งแรกในเรื่องของการพูดต่อหน้าคนเป็นจำนวนมากตอนอายุ 18 ปี ซึ่งเป็นช่วงของการเริ่มทำงานในองค์กรภาครัฐในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการ ซี 1 ทุกคนลองย้อนอดีตนึกถึงตัวเองว่าตอนอายุเท่านี้คุณกำลังทำอะไรกันอยู่ แต่ผู้เขียนในขณะนั้นมีแต่ความฝันและความทะเยอทะยานบวกกับความมั่นใจในตัวเองที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตด้านใดด้านหนึ่ง และอาจเป็นเพราะบุคลิกภาพส่วนตัวที่ผู้ใหญ่มองเห็น ในปีนั้นต้องมีการออกร้านกาชาดที่สวนอัมพร ผู้เขียนได้รับมอบหมายให้เป็น 1 ในพิธีกร (มีหลายคน) ที่ต้องไปพูดเชิญชวนให้คนที่เข้ามาเดินในงานกาชาดซื้อสลากกาชาดขององค์กรเรา (อยากบอกว่าทำหน้าที่นักร้องร่วมกับอิเลคโทนไปด้วย) แต่การทำหน้าที่พิธีกรครั้งแรกในชีวิตนี่สิ ไม่ใช่เรื่องง่าย มันท้าทายเหลือเกิน แต่ในใจบอกว่า ”เราต้องทำได้ นี่เป็นโอกาส” ทั้งๆ ที่เราคิดว่าเตรียมตัว เตรียมใจมาดี คิดคำพูดโดยซ้อมพูดต่อหน้ากระจก แต่พอถึงวินาทีนั้นความตื่นเต้น ความประหม่าก็มาจนได้ ผู้เขียนคิดแต่เพียงว่าจะจัดการกับอารมณ์ และความประหม่านั้นอย่างไร สิ่งแรกคือหายใจลึกๆ หลายๆ ครั้งเพื่อให้ผ่อนคลาย แล้วในหัวก็คิดได้ว่า นี่เรากำลังมาทำอะไร เป้าหมายที่ทำ ทำเพื่อให้คนฟังได้อะไรจากเรา ไม่ใช่พูดเพื่อให้เค้าให้อะไรกับเราหรือเราจะได้อะไรจากเค้า จากนั้นความเป็นธรรมชาติและตัวตนของเราก็เริ่มออกมาแล้วมันก็ไหลไปตามสถานการณ์ ดีบ้างแย่บ้าง (ประเมินตามความคิดของตัวเอง) ผู้เขียนเริ่มเรียนรู้จากพิธีกรท่านอื่นๆ แต่ไม่ได้เลียนแบบเพราะคิดว่าสไตล์การพูดของแต่ละคนมีความแตกต่างกันด้วยบุคลิกภาพและท่วงที ถ้อยคำ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการดำเนินชีวิตในอาชีพพิธีกร โฆษก นักประชาสัมพันธ์หรือนักพูด (Speaker)

            ต่อมาก็ได้เรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จนมองถึงมิติต่างๆ ของการพูด ซึ่งผู้เขียนได้รวบรวมไว้ดังนี้

• Sparky Teaching การสอนแบบจุดประกายในสไตล์ของครูบางคน หรือการปาฐกถา โต้วาที
• Sparky Coaching การทำหน้าที่โค้ชที่มีสไตล์การพูดแบบจุดประกายที่เราเห็นกันบ่อยใน TikTok ที่โค้ชหลายๆ ท่านพูดได้น่าสนใจ
• Sparky PR การพูดแบบจุดประกายของนักประชาสัมพันธ์ในองค์กรภาคธุรกิจ
• Sparky Speaker นักพูดที่มีสไตล์การพูดโดยใช้คำพูดที่สามารถจุดประกายความคิดของคน เร้าใจชวนติดตามด้วยความตื่นเต้น
• Sparky Mentor การพูดของผู้ให้คำแนะนำ/ปรึกษา จากประสบการณ์ของตนเองโดยใช้คำพูดที่แนะนำแบบจุดประกาย

            แล้วจะพูดอย่างไรให้แต่ละมิติของการพูดเป็นวิธีการพูดแบบจุดประกาย (Sparky Talk) นักพูดสามารถสร้าง Character Sparky Personality ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษเฉพาะของตนเองได้ โดยผ่านเทคนิคการสื่อสารต่างๆ ต่อไปนี้

• Lively Talk มีความกระตือรือร้น มีพลัง กระฉับกระเฉง แข็งแรง กระปรี้กระเปร่า มีชีวิตชีวา คล่องแคล่ว ว่องไว ชัดเจน เคลื่อนไหวดี  เต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่น่าสนใจ ร่าเริงสดใส สนุกสนาน เบิกบาน ที่สำคัญต้องเร้าอารมณ์
• Interesting Talk พูดให้น่าสนใจ น่าทึ่ง น่าเอาใจใส่
• Attractive Talk การพูดที่ดึงดูดใจ มีเสน่ห์ ดึงดูดความสนใจ
• Energy Talk พูดด้วยบุคลิกและน้ำเสียงที่มีพลังสร้างสรรค์

วิธีการพูดที่ต้องผสมผสานสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกันจะทำให้ผู้พูดเป็นที่ยอมรับและเป็นที่จดจำของสังคม และหากผู้พูดสามารถสร้าง Sparky Speech ให้มีความพิเศษเพิ่มขึ้นไปอีก โดยการไปค้นหา และรวบรวม Key Word เจ๋งๆ ที่สร้างความประทับใจคนฟัง หรือคำคมของนักพูดที่ประสบความสำเร็จในชีวิต อย่างเช่น Speech ต่อไปนี้

“คนจะลืมสิ่งที่คุณพูด คนจะลืมสิ่งที่คุณทำ แต่คนจะไม่มีวันลืมว่า คุณทำให้พวกเขารู้สึกอย่างไร”

โดย มายา แองเจโล   กวี นักคิด นักร้อง นักประพันธ์

“หยุดบ่น จงมองหาโอกาสจากปัญหา”

“Stop Complaining, You are find Opportunity”

 โดย แจ๊คหม่า

ทั้งหมดนี้เป็นแนวทางที่จะสร้างความเป็นตัวตนของคุณให้กลายเป็นนักพูดที่น่าประทับใจและจดจำใน Character ที่พิเศษนี้ จงค้นหาตัวเองให้เจอ แล้วสร้างสไตล์การพูดของคุณ ในแบบ “Sparky Talk”

“เราช่วยคุณได้ KCT ACADEMY”

สนใจเรียนเทคนิคการพูดแบบ Sparky Talk พูดจุดประกายในแบบของคุณ กับ ดร.ณิชานาฎ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่:

• โทร: 085-9391593
• อีเมล: nartiya@kctathailand.com
• แชท: m.me/kcttraining