In-House Training Courses
Business Communication
ทักษะผู้นำด้วยเทคนิค NLP
Leadership Skill with NLP
PMP by PMI, โปรเจ็ค แมแนจเมนท์, PM, บริหารโครงการ
หลักสูตร : ทักษะผู้นำด้วยเทคนิค NLP (Leadership Skill with NLP) (1 วัน / 6 ชม.)
💡การออกแบบโปรแกรม
ในยุคปัจจุบันที่โลกธุรกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน Effective Leadership มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อองค์กร เพราะช่วยให้ผู้นำสามารถปรับตัวและบริหารทีมได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ท่ามกลางความท้าทาย เช่น การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี การทำงานแบบไฮบริด และ การแข่งขันที่สูงขึ้น ผู้นำที่ดีต้องมีทักษะในการสื่อสารที่ชัดเจน ตัดสินใจอย่างมีข้อมูล และสร้าง สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานร่วมกัน หลักสูตรนี้ช่วยให้ผู้บริหารสามารถพัฒนาความสามารถใน การแก้ปัญหา สร้างแรงจูงใจให้ทีม ให้เหมาะสมกับสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
🎯วัตถุประสงค์ของหลักสูตร
- พัฒนาทักษะภาวะผู้นำเชิงรุก – สามารถสื่อสารอย่างชัดเจน ตัดสินใจอย่างมั่นใจ และบริหาร ทีมท่ามกลางความไม่แน่นอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เสริมสร้างพลังทีมและแรงจูงใจ – เรียนรู้วิธีการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ร่วมมือ สนับสนุน และทำให้ทีมพร้อมรับมือกับความท้าทาย
- ยกระดับทักษะการให้ Feedback เชิงสร้างสรรค์ - ถ่ายทอดความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ อย่างสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาศักยภาพของทีมและสร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจกัน
เนื้อหาหลักสูตร (Course outline)
| เวลา | รายละเอียด |
|---|---|
| 9:00-12:00 |
แม่แบบการสื่อสาร Model of Communication การทำงานของสมอง
“รู้เท่าทันตัวกรองในสมอง เพื่อเป็นผู้นำที่เข้าใจความต่าง”
Event + Response = Outcome สิ่งเร้า + การตอบสนอง = ผลลัพธ์ “เปลี่ยนการโทษเป็นการตอบสนอง - นี่คือจุดเริ่มต้นของความเป็นผู้นำแท้จริง”
เคลียร์เมฆในใจ ก่อนจะนำทางผู้อื่น”
|
| 13:00-14:30 |
ห้าระดับของผู้นำ สไตล์ John Maxwell
“เริ่มจากตำแหน่ง แต่เติบโตด้วยความไว้วางใจ”
“ฟังให้ตรงกับวิธีที่เขาคิด มองให้ตรงกับวิธีที่เขาเห็น”
“เมื่อคำพูดมาจากความหวังดี ไม่ใช่ความหงุดหงิด – ทีมจะฟังด้วยใจ ไม่ใช่แค่หู”
|
| 14:45-16.00 |
Rapport การสร้างความไว้วางใจ สไตล์ Chris Voss
“ความไว้วางใจไม่ได้เกิดจากคำพูดที่ถูกต้อง แต่เกิดจากหัวใจที่ตั้งใจฟัง”
“สื่อสารให้ตรงใจ เริ่มจากเข้าใจว่าคนตรงหน้า คิด-รู้สึก-ตัดสินใจ อย่างไร”
|
แม่แบบการสื่อสาร Model of Communication การทำงานของสมอง
ช่วงเวลา: 9:00-12:00“รู้เท่าทันตัวกรองในสมอง เพื่อเป็นผู้นำที่เข้าใจความต่าง”
- ตระหนักรู้การทำงานของสมอง (Communication Model)
- เข้าใจสมองที่มีตัวกรอง การลบทิ้ง บิดเบือน เหมารวม ข้อมูลที่เข้าสู่สมอง
- เข้าใจตัวกรองที่ส่งผลให้คนแตกต่างกัน (ตัวเราและทีมงาน)
เอาชนะสิ่งเร้าภายนอก
Event + Response = Outcome
สิ่งเร้า + การตอบสนอง = ผลลัพธ์
“เปลี่ยนการโทษเป็นการตอบสนอง - นี่คือจุดเริ่มต้นของความเป็นผู้นำแท้จริง”
- หลักการที่กล่าวถึงว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ใดๆ นั้นเกิด จากการตอบสนองของเราต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น การแก้ไข ปัญหา การเรียนรู้ หรือการสร้างความสำเร็จ ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมา จะขึ้นอยู่กับว่าเราตอบสนองต่อเหตุการณ์นั้นอย่างไร
- ผู้นำที่เข้าใจหลักการนี้จะเลิกโทษปัจจัยภายนอก เช่น สภาวะ ตลาด การเปลี่ยนแปลงขององค์กร หรือข้อจำกัดต่างๆ แต่จะ มุ่งเน้นไปที่สิ่งที่ตนเองควบคุมได้ นั่นคือ วิธีที่พวกเขาตอบสนอง ต่อสถานการณ์ สิ่งนี้ช่วยเสริมสร้างวัฒนธรรมแห่งความรับผิดชอบ ในทีม
เรียนรู้สิ่งที่เป็นลบในตัว หลักการ เมฆ 4 ก้อน (4 Clouds)
เคลียร์เมฆในใจ ก่อนจะนำทางผู้อื่น”
- ตระหนักรู้ถึง ความคิดลบ ความเชื่อที่มีข้อจำกัด อารมณ์ทางด้าน ลบ และ ความขัดแย้งในตนเอง และ ตัดสินใจสื่อสารกับตนเองใน การขจัดสิ่งที่เป็นลบเหล่านี้
- ช่วยให้ผู้นำสามารถ ขจัดอุปสรรคทางความคิดและอารมณ์ ก่อน การสื่อสาร เพื่อให้สามารถนำทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ สร้าง วัฒนธรรมแห่งความไว้วางใจ การคิดเชิงบวก และการพัฒนาอย่าง ต่อเนื่องภายในองค์กร
- Workshop: ประเมิน การลบทิ้ง บิดเบือน เหมารวม และ เมฆ 4 ก้อน ที่ตนเองมี และ ตัดสินใจที่จะนำหลักการ 2 หลักการนี้ไปใช้ในการ เป็นผู้สื่อสารที่มีประสิทธิภาพได้อย่างเป็นขั้นตอน
ห้าระดับของผู้นำ สไตล์ John Maxwell
ช่วงเวลา: 13:00-14:30“เริ่มจากตำแหน่ง แต่เติบโตด้วยความไว้วางใจ”
- Position (ตำแหน่ง)
- Permission (อนุญาต)
- Production (การผลิต)
- People Development (การพัฒนาผู้คน)
- Pinnacle (จุดสูงสุด)
- เมื่อผู้นำเข้าใจและปฏิบัติตามหลักการนี้ พวกเขาสามารถสร้าง ความไว้วางใจ ทำให้คนเต็มใจติดตาม และทำให้เกิดผลกระทบ ต่อทีมและองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้นำจะสามารถพัฒนา ตนเองและทีมได้อย่างสมดุล นำไปสู่ความสำเร็จในระยะยาวและ การสร้างผู้นำรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตอย่าง ยั่งยืนในองค์กร
ประสาทสัมผัสทั้งห้า (พื้นฐานบุคลิกภาพ) (Basic Personalities)
“ฟังให้ตรงกับวิธีที่เขาคิด มองให้ตรงกับวิธีที่เขาเห็น”
- เข้าใจบุคลิกภาพของคนที่เชื่อมโยงกับความถนัดในการใช้ ประสาทสัมผัส
- เรียนรู้ที่จะปรับบุคลิกภาพของตนเองให้สอดคล้องกับบุคลิกภาพ ของคนที่สื่อสารด้วย
- ช่วยให้ผู้นำเข้าใจสไตล์การรับรู้ของทีมและปรับการสื่อสารให้ เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ผู้นำที่สามารถ เชื่อมโยงกับวิธีการรับรู้ ของผู้อื่นได้ดี จะสามารถสร้างความเข้าใจ ลดความขัดแย้ง และ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Workshop: ทำแบบทดสอบเพื่อประเมินประสาทสัมผัสที่ตนเองถนัด
การให้คำ Feedback อย่างสร้างสรรค์
“เมื่อคำพูดมาจากความหวังดี ไม่ใช่ความหงุดหงิด – ทีมจะฟังด้วยใจ ไม่ใช่แค่หู”
- ใช้เทคนิค I Message เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกถูกจู่โจม
- ใช้เทคนิค Radical Candor Feedback เพื่อเป็นการให้ข้อมูลเชิง ป้อนกลับที่ไม่เป็นการตอกย้ำความผิดพลาด
- ช่วยให้ผู้นำสามารถพัฒนาทีมโดยไม่ทำลายขวัญกำลังใจ
- ช่วยให้ผู้นำสามารถสื่อสารความรู้สึกและข้อสังเกตได้โดยไม่ทำให้ ทีมรู้สึกถูกตำหนิหรือจู่โจม
- ช่วยให้การสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความตึงเครียด และ สร้างบรรยากาศที่เปิดกว้าง ส่งผลให้ทีมพร้อมรับฟัง ปรับตัว และ เติบโตไปพร้อมกับผู้นำ
- Workshop: ฝึกฝนการให้ Feedback เชิงสร้างสรรค์
Rapport การสร้างความไว้วางใจ สไตล์ Chris Voss
ช่วงเวลา: 14:45-16.00“ความไว้วางใจไม่ได้เกิดจากคำพูดที่ถูกต้อง แต่เกิดจากหัวใจที่ตั้งใจฟัง”
- Mirroring / การสะท้อนคำพูดคือการตั้งใจพูดซ้ำคำพูดของคู่ สนทนาอย่างตั้งใจคือเทคนิคที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ซึ่งแสดงให้ เห็นว่าคุณกำลังตั้งใจฟังและพยายามเข้าใจอีกฝ่ายอย่างแท้จริง สิ่งนี้ช่วยสร้างความไว้วางใจ และทำให้คุณจับจังหวะที่เหมาะสม ในการชี้นำหรือมีอิทธิพลต่อบทสนทนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Labelling / การสะท้อนและระบุความรู้สึก หรือ ความคิดเห็น ของ อีกฝ่ายคือเทคนิคการสื่อสารที่ช่วยสะท้อนและตั้งชื่อให้กับ ความรู้สึกหรือมุมมองของคู่สนทนา เช่น “ดูเหมือนคุณจะกังวล เรื่องนี้” การทำเช่นนี้ช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าได้รับการเข้าใจ สร้าง ความไว้วางใจ และลดความตึงเครียดในการสื่อสาร
บุคลิกภาพที่แตกต่าง MBTI (Myers-Briggs Type Indicator)
“สื่อสารให้ตรงใจ เริ่มจากเข้าใจว่าคนตรงหน้า คิด-รู้สึก-ตัดสินใจ อย่างไร”
- เข้าใจบุคลิกภาพที่แตกต่างของทีมงาน
- MBTI แบ่งบุคลิกภาพออกเป็น 4 มิติหลัก ได้แก่:
- การรับพลังงาน: Extroversion (E) หรือ Introversion (I) – บุคคล ได้รับพลังงานจากภายนอกหรือภายใน
- การรับข้อมูล: Sensing (S) หรือ Intuition (N) – วิธีที่บุคคลรับ ข้อมูลคือเน้นไปที่รายละเอียดหรือมองเห็นภาพรวม
- การตัดสินใจ: Thinking (T) หรือ Feeling (F) – บุคคลตัดสินใจด้วย เหตุผลหรือความรู้สึก
- การจัดการชีวิต: Judging (J) หรือ Perceiving (P) – บุคคลใช้การ วางแผนหรือการปรับตัวอย่างยืดหยุ่นในการจัดการชีวิตความเข้าใจ ในบุคลิกภาพของทีมช่วยให้ผู้นำ สามารถปรับวิธีการ สื่อสารให้เหมาะสมกับแต่ละคน ทำให้การสื่อสารมีความชัดเจนและ ลดความขัดแย้ง
- Workshop: แบ่งกลุ่มเป็น 2 ฝั่ง และ ให้ Debate ความแตกต่าง ตามโจทย์ที่ให้
📈ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
- ผู้นำสามารถปรับตัวและบริหารทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาวะที่เปลี่ยนแปลงเร็ว
- พัฒนาทักษะการสื่อสาร และการสร้างแรงจูงใจให้ทีม
- เสริมศักยภาพในการแก้ปัญหาทีมงานให้เหมาะกับสถานการณ์ธุรกิจปัจจุบัน
🎓วิธีการดำเนินหลักสูตร
- เพื่อให้การถ่ายทอดองค์ความรู้สามารถนำไปสู่ประโยชน์ต่อองค์กรและสอดคล้องกับบริบททาง ธุรกิจของแต่ละองค์กร เนื้อหาหลักสูตรจะได้รับการออกแบบให้เหมาะสมและตามความต้องการ เฉพาะของแต่ละองค์กร (Customized) โดยดำเนินการจัดอบรมภายในองค์กร (In House Training) ในวันและเวลาที่องค์กรสะดวกและบุคลากรมีความพร้อมในการเข้าอบรมอย่างพร้อมเพรียง
- เน้นรูปแบบการอบรมเชิงปฏิบัติการควบคู่กับทฤษฎี และกรณีตัวอย่าง เพื่ออธิบายประมวลสรุป ให้บุคลากรผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความเข้าใจและมีทักษะเบื้องต้นเพียงพอในการนำความรู้ไป ประยุกต์ใช้ต่อไป
แนวทางที่ใช้ในการอบรม
แนวทางการสัมมนาและรูปแบบการเรียนรู้ : ทฤษฎี 40% : ปฏิบัติ 60%
- บรรยาย: ถ่ายทอดความรู้ให้ผู้เข้าอบรม
- กิจกรรมกลุ่มระดมความคิด: ผู้เข้าอบรมได้เข้าไป “มีส่วนร่วม”
- ตัวอย่าง/กรณีศึกษาประกอบ: เพื่อเห็น "ภาพที่ชัดเจน” มากยิ่งขึ้น
- การเสวนาตีความ: วิเคราะห์เพื่อเข้าใจให้เชิงลึกเพื่อการประยุกต์ใช้
การสัมมนาใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบผู้ใหญ่ (Adult Learning) ด้วยวิธีการบรรยายควบคู่กับการ ปฏิบัติ เน้นการบรรยายแบบให้ผู้เข้าสัมมนาเป็นศูนย์กลางการอบรมการตั้งประเด็นคำถามเพื่อให้ ผู้เรียนได้ใช้ความคิด แลกเปลี่ยนประสบการณ์ มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและนำเสนอ เพื่อให้เกิดความเข้าใจเนื้อหาอย่างแท้จริง และ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทันที
เนื้อหาของโปรแกรมมีทั้งการบรรยายให้ความรู้ พร้อม VDO ประกอบการบรรยาย, กิจกรรมกลุ่ม การระดมความคิด (Brainstorming), การฝึกปฏิบัติการ (Work Shop), กรณีศึกษาและสถานการณ์ จำลอง (Case Study and Simulation) และ การนำเสนอ (Present) ทำให้การเรียนรู้ เกิดเข้าใจด้วย ตัวเองอย่างแท้จริง
วิทยากรประจำหลักสูตร
Ready to join our knowledge castle?
Find the right program for your organization and achieve your goals today
