Productivity Pitfalls #1: “พึงหลีกเลี่ยงการสร้างระบบใหญ่...บนพื้นฐานที่ไม่พร้อม”
🏭ตลอดกว่า 20 ปีที่คลุกคลีอยู่ในสนามจริง ตั้งแต่โรงงานเซมิคอนดัคเตอร์ที่ต้องการความแม่นยำระดับไมครอน ไปจนถึงโรงงานเกษตรอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพ และนวัตกรรมผู้เขียนได้มีโอกาสเห็นโครงการต่างๆด้าน Productivity มากมายเริ่มต้นอย่างยิ่งใหญ่ แต่ต้องล้มเลิกไปเพราะทำผิดพลาดในด้านต่างๆใน 7 ประการสำคัญๆ ได้แก่
หลายองค์กรลงทุนทั้งเงิน เวลา และทรัพยากรไปกับโครงการ Productivity แต่กลับไม่ได้ผลอย่างที่หวัง ซึ่งปัญหามักไม่ได้อยู่ที่เครื่องมือไม่ดี แต่อยู่ที่ “รากฐานและมาตรฐาน” ที่ไม่ถูกวางตั้งแต่แรก เหมือนสร้างตึกบนฐานที่ยังไม่มั่นคง ต่อให้โครงสร้างหรือเครื่องมือจะล้ำแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องพังลงอย่างง่ายดาย
🤔เชื่อว่าหลายคนยังขาดความเข้าใจกับคำว่า "รากฐานและมาตรฐาน" ในมุม Productivity ซึ่งความหมายของคำดังกล่าวขอแยกคำว่า “รากฐาน” กับ “มาตรฐาน” ออกจากกันเพื่อให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้นดังนี้
“รากฐาน”
หมายรวมถึง ระบบ ขั้นตอน และแนวคิดที่ถูกต้องตั้งแต่แรก ซึ่งเปรียบเหมือนรากแก้ว ไปถึงส่วนของลำต้น ที่คอยยึดเกาะไม่ให้ล้มได้ง่าย ในมุมขององค์กร ได้แก่ ผังการไหลของกระบวนการต่างๆ ในการทำงานในแต่ละส่วนงาน หรือหน้าที่ รวมถึงกระบวนการวัดและการกำหนดตัววัดสำคัญ (KPI) ตลอดจนการติดตามผลลัพธ์การปฏิบัติงานอย่างถูกต้อง ชัดเจนและทันท่วงที
“มาตรฐาน”
คือกรรมวิธีในการปฏิบัติที่ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มีขนาด, ปริมาณ และคุณภาพเหมือนเดิมทุกครั้ง แม้ว่าปัจจัยนำเข้าจะเปลี่ยนไปก็ตาม ตัวอย่างมาตรฐานในองค์กร เช่น Work Instruction, SOP, Visual Control เป็นต้น
อาการบ่งชี้ความผิดปกติ หรือจุดบกพร่องของ "รากฐานและมาตรฐาน" ที่ยังไม่พร้อมเช่น ...
- ขั้นตอนการทำงานแต่ละแผนกไม่เชื่อมกัน
- ผู้ปฏิบัติงานไม่รู้วัตถุประสงค์และเป้าหมายของงานที่ทำ
- ผลลัพธ์ของงานออกมามีข้อพร่อง หรือ Defect หรือ Rework สูง
- ไม่มีเกณฑ์วัดความสำเร็จที่ชัดเจน และไม่สอดคล้องเป้าหมายองค์กร
- แก้ปัญหาซ้ำซาก (Sporadic Problem)
🚀เมื่อเข้าใจอาการผิดปกติดังที่กล่าวมาแล้ว การสร้างหรือวาง "รากฐานและมาตรฐาน" ของระบบงานขององค์กรให้เป๊ะ และยั่งยืนนั้น สามารถดำเนินการได้แบบ Step by Step ดังนี้...
Step#1 :Start with Process Mapping
การทำ Process Mapping ขั้นแรกสุดคือการทำความเข้าใจกระบวนการทำงานในปัจจุบันอย่างละเอียด โดยการสร้างแผนภาพการไหลของงาน (Process Flow Diagram หรือ Process Mapping) เพื่อให้เห็นภาพรวมตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ
การทำแผนภาพนี้จะช่วยให้เราสามารถระบุปัญหา คอขวด (bottleneck) และจุดที่ไม่มีประสิทธิภาพในกระบวนการปัจจุบันได้ นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสที่ดีในการรวบรวมข้อมูลจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนเข้าใจกระบวนการในทิศทางเดียวกัน
