Digital Transformation ไม่ใช่แค่เปลี่ยนเครื่องมือ แต่คือเปลี่ยนวิธีคิด! (ถ้าใจไม่พร้อม เทคโนโลยีดีแค่ไหนก็ไปไม่รอด)

Digital Transformation ไม่ใช่แค่เปลี่ยนเครื่องมือ แต่คือเปลี่ยนวิธีคิด

หาก “Ego” คือ กำแพง ความสัมพันธ์ใหม่ก็คือ ดอกไม้ที่ต้องการช่องว่างเล็กๆ เพื่อเริ่มงอกงาม

มิตรภาพไม่ใช่สนามแข่ง เพราะไม่ได้ต้องการเอาชนะ แต่ต้องการได้หรือเลือกคนที่จริงใจ  ดังนั้น ถ้าเรากล้าวางความต้องการเป็นจุดศูนย์กลาง เราก็จะได้พบความสัมพันธ์ที่มีความหมายยิ่งกว่าคำพูดเป็นล้านๆ คำ แน่นอนค่ะ!  ธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนล้วนมี “Ego” หรือ “อัตตา” ในตัวตนด้วยกันทั้งนั้น เป็นเพราะเราต้องการที่จะปกป้องความรู้สึกของตัวเอง ต้องการเป็นที่ยอมรับหรืออยากให้คนอื่นมองว่าเรามีคุณค่า แต่ถ้าหาก “Ego” มีมากเกินไป ก็อาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการสร้างมิตรภาพใหม่ๆ หรือความสัมพันธ์ที่ดีได้ ลองมาดู “Ego” ในบริบทของความสัมพันธ์กันนะ!

  • Ego ในทางบวก เป็นความมั่นใจในตัวเอง รู้คุณค่าของตน กล้าแสดงออก แสดงความคิดเห็นอย่างเคารพผู้อื่น
  • Ego ในทางลบ เป็นการยึดมั่นถือมั่นในความคิดของตนเอง ว่าถูกต้องเสมอ ดื้อรั้น ไม่ฟังผู้อื่น ต้องการควบคุมหรืออยู่เหนือคนอื่น

คนที่มี Ego ในทางบวก จะมีวิธีบริหารเพื่อสร้างมิตรภาพใหม่ให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีได้เมื่อแรกพบอย่างง่ายๆ เช่น ฝึกการฟังอย่างตั้งใจ  (Active Listening) อย่ารีบตัดสิน ให้เปิดใจฟังกับความรู้สึกที่อาจแตกต่าง  ต้องกล้ายอมรับความผิดพลาด เมื่อมีสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งเกิดขึ้นเพราะมันเป็นเครื่องมือหนึ่งในการแสดงความเป็นมนุษย์ธรรมดา  ที่กล้าขอโทษ  ต้องฝึกการสื่อสารด้วยท่าทีที่ถ่อมตน อาจใช้คำพูดที่นุ่มนวล และให้เกียรติอีกฝ่าย สิ่งที่ลืมไม่ได้ ให้พึงสำรวจเป็นระยะ กับการสังเกตความรู้สึกของตัวเอง หรือพฤติกรรมต่างๆ ที่ทำไปในระหว่างการสร้างมิตรภาพใหม่นั้น มาจาก “ตัวตนแท้” หรือ “อัตตา” ที่อยู่ข้างในตัวเรากันแน่!

ส่วนคนที่มี Ego ในทางลบ ย่อมกระทบต่อมิตรภาพใหม่อย่างแน่นอน นั่นเพราะการขาดการรับฟัง อาจคิดว่าความคิดของตัวเองถูกเสมอ ไม่เปิดใจฟังมุมมองของอีกฝ่าย  อีกทั้งไม่ยอมอ่อนข้อหรือขอโทษ ความเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ สามารถเกิดขึ้นได้หากมี Ego สูงเกินไปจะทำให้ไม่ยอมลดตัวขอโทษหรือปรับตัว กลัวเสียหน้า บางคนไม่กล้าแสดงความรู้สึกที่แท้จริง เช่น ไม่กล้าขอความช่วยเหลือ ไม่กล้าพูดชม หรือไม่กล้าบอกว่าตัวเองไม่รู้ เพราะต้องการความสำคัญหรือเด่นเหนือผู้อื่น ทำให้ความสัมพันธ์เกิดความไม่เท่าเทียม จนอีกฝ่ายรู้สึกอึดอัด

การมี Ego ไม่ใช่เรื่องผิด แต่หากคุณอยากสร้างความสัมพันธ์ใหม่ให้ยั่งยืน ต้องพึงรู้จัก วาง Ego ลงในเวลาที่เหมาะสม และแทนที่สิ่งเหล่านั้นด้วย ความเคารพ การฟังอย่างตั้งใจ สบตาแลดงความจริงใจ รับรองได้ว่ามิตรภาพนั้นจะเติบโตอย่างงดงาม

“บางครั้งการวางอัตตา ไม่ได้แปลว่า “แพ้” แต่มันคือการเปิดพื้นที่ให้มิตรภาพได้เติบโตอย่างยั่งยืน”

      อัตตา (Ego) เปรียบเสมือนเกราะของความมั่นคงในใจของตนเอง หลายครั้งมักมีเสียงกระซิบข้างหูบอกว่า “ฉันต้องไม่ยอม” “ฉันต้องไม่อ่อนแอ” “ฉันต้องถูก” “อย่ายอมนะ” อัตตากลายเป็นกำแพงหนาที่เราสร้างมันขึ้นมาภายในใจโดยไม่รู้ตัว เพื่ออะไร? เพื่อป้องกันความผิดหวัง แต่มันกลายเป็นสิ่งปิดกั้นความสัมพันธ์ที่ดีลงไป

      เมื่อมิตรภาพใหม่เริ่มใกล้เข้ามา อัตตาหรือ Ego ก็เริ่มเคลื่อนไหวพร้อมที่จะทำงาน การที่เราได้เริ่มรู้จักใครสักคนที่เป็นคนใหม่ ไม่ใช่แค่การเปิดบทสนทนาเท่านั้น แต่มันคือการเปิดพื้นที่ภายในใจและยอมให้ผู้อื่นได้เดินเข้ามาเห็นตัวตนของเรา นั่นคือจุดเริ่มต้นของมิตรภาพที่แสนจะเรียบง่าย แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ อย่าให้มันหยุดลงแค่คำว่า “คนรู้จัก” ที่เหมือนการปล่อยผ่านเพียงเพราะอัตตาที่ไม่ยอมลดตัว ลง เหมือนการไม่กล้าที่จะพูดว่า “ขอโทษ” แม้จะรู้ว่าตัวเองผิด จะดูว่าเป็นความอ่อนแอ หรือแม้แต่การเงียบ เพียงเพราะกลัวว่าความไม่รู้ของตนเองจะทำให้ดูด้อยค่า

      แต่ถ้าเรากล้าที่จะวาง Ego ลงชั่วขณะหนึ่ง แล้วยอมรับความอ่อนแอหรือพ่ายแพ้ มันคือส่วนหนึ่งของมนุษย์ธรรมดา หรือกล้าที่จะพูดคำว่า “ฉันไม่รู้” “ฉันเสียใจ” วินาทีแห่งความเป็นจริงของการเริ่มต้นมิตรภาพจะเกิดขึ้นกลางใจของคนสองคนและหยั่งลึกบนรากฐานของจิตใจ มิตรภาพใหม่พร้อมที่จะเคลื่อนไหวแล้วออกเดินไปด้วยกันอย่างแน่นอน

อยากฝากว่า “ตัวตน” และ “อัตตา” (Ego) มาพร้อมกับมุมมองที่ลึกซึ้งถึงความสัมพันธ์ ความเชื่อ ความคิด ความรู้สึกหรือความกลัวที่ซ่อนลึกอยู่ภายในใจ เป็นสิ่งที่เกาะติดตัวตนมาอย่างแนบแน่น ความเปราะบางของมนุษย์ จำเป็นต้องเรียนรู้ในการจะอยู่ร่วมกันได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน

เปลี่ยนองค์กรให้ก้าวนำด้วย Digital Transformation: ไม่ยากอย่างที่คิด!

🚀สวัสดีครับ วันนี้เราจะมาคุยเรื่อง "Digital Transformation" หรือการเปลี่ยนแปลงองค์กรสู่ยุคดิจิทัลกันครับ หลายคนอาจจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไกลตัว หรือเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลยครับ

Digital Transformation คืออะไร?

พูดง่ายๆ ก็คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงทุกมิติขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การให้บริการลูกค้า หรือแม้กระทั่งรูปแบบธุรกิจ เพื่อให้องค์กรทำงานได้คล่องตัวขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกครับ

ทีมงานทำงานด้วยเทคโนโลยี

ทำไมต้อง Digital Transformation?

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: ลดงานเอกสาร ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อน ทำให้พนักงานทำงานได้รวดเร็วขึ้น และมีเวลาไปโฟกัสกับงานที่สำคัญมากขึ้น
  • ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า: เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น สามารถให้บริการได้รวดเร็วขึ้น และตรงใจลูกค้ามากขึ้น
  • สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ: มองเห็นโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดจากเทคโนโลยี สามารถสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีขึ้น
  • แข่งขันได้ในตลาด: ช่วยให้องค์กรมีความคล่องตัว สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว
  • ลดต้นทุน: ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เช่น ค่ากระดาษ ค่าเดินทาง และค่าแรง

แล้ว Digital Transformation ต้องทำอะไรบ้าง?

จริงๆ แล้ว Digital Transformation ไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัวครับ ขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจและเป้าหมายของแต่ละองค์กร แต่โดยทั่วไปแล้วจะเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้:

  • ปรับเปลี่ยนความคิดและวัฒนธรรมองค์กร: สร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้างต่อการเปลี่ยนแปลง พร้อมเรียนรู้และทดลองสิ่งใหม่ๆ
  • นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้: เช่น ระบบคลาวด์ (Cloud), ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ระบบอัตโนมัติ (Automation), ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และอื่นๆ
  • พัฒนาทักษะของพนักงาน: ฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในยุคดิจิทัล
  • ปรับปรุงกระบวนการทำงาน: ออกแบบกระบวนการทำงานใหม่ให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
  • วิเคราะห์และวัดผล: ติดตามและประเมินผลการเปลี่ยนแปลง เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
การวางแผน Digital Transformation

เริ่มต้น Digital Transformation ได้อย่างไร?

1

ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน

กำหนดว่าต้องการให้ Digital Transformation ช่วยอะไรองค์กรบ้าง

2

ประเมินสถานการณ์ปัจจุบัน

วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน และโอกาสขององค์กร

3

วางแผนและกำหนดกลยุทธ์

กำหนดแนวทางและขั้นตอนในการดำเนินงาน

4

เริ่มต้นด้วยโครงการเล็กๆ

ทดลองทำในโครงการเล็กๆ ก่อน เพื่อเรียนรู้และปรับปรุง

5

สื่อสารและสร้างความเข้าใจ

อธิบายให้พนักงานทุกคนเข้าใจถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลง

6

ติดตามและประเมินผล

วัดผลการดำเนินงานและปรับปรุงแก้ไขตามความเหมาะสม

🧠สิ่งสำคัญที่สุด: การทำ Digital Transformation ไม่ใช่แค่การซื้อเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่เป็นการ เปลี่ยน Mindset หรือความคิดของคนในองค์กร ให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และพร้อมที่จะปรับตัวอยู่เสมอ

ไม่ต้องกลัวที่จะเริ่มต้น

Digital Transformation อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ แต่จริงๆ แล้วมันคือการเดินทาง ไม่ใช่การวิ่งมาราธอนครับ ค่อยๆ เริ่มต้นทีละเล็กทีละน้อย พัฒนาไปพร้อมๆ กับการเรียนรู้ และที่สำคัญที่สุดคือ อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลง!

เกี่ยวกับผู้เขียน

ประคอง ขันธเขตต์

Languages: TH

Ready to join our knowledge castle?

Find the right program for your organization and achieve your goals today

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save