ทำไม “Leading KPI” จึงสำคัญกว่าที่เราเคยมองเห็น และทำไมคนที่เข้าใจ QA จึงมีอาวุธที่ QC ไม่มี

ทำไม “Leading KPI” จึงสำคัญกว่าที่เราเคยมองเห็น และทำไมคนที่เข้าใจ QA จึงมีอาวุธที่ QC ไม่มี

ทำไม “Leading KPI” จึงสำคัญกว่าที่เราเคยมองเห็น

และทำไมคนที่เข้าใจ QA จึงมีอาวุธที่ QC ไม่มี

ในโลกของการทำงาน หลายองค์กรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบผลลัพธ์ เช่น ระบบสำเร็จหรือไม่, ลูกค้าร้องเรียนเท่าไร, สินค้าผ่าน QC มากน้อยแค่ไหน สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เรียกว่า Lagging KPI ตัวชี้วัดที่รอให้ทุกอย่างจบแล้วค่อยบอกเราว่า “เกิดอะไรขึ้น”

แต่คำถามที่สำคัญกว่าคือ…

“เราจะปล่อยให้เรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นก่อน แล้วค่อยวัดผลมันทุกครั้งไปหรือ?”

 

ในระบบคุณภาพ คำตอบนี้สะท้อนชัดผ่านแนวคิดของ QA และ QC
QC (Quality Control) คือสิ่งที่เราทำเมื่อสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นแล้ว — ตรวจสอบ ตรวจจับ และตัดสินใจว่าผลลัพธ์นั้นใช้ได้หรือไม่
แต่ QA (Quality Assurance) คือการวางแผนและออกแบบกระบวนการล่วงหน้า เพื่อให้สิ่งที่ออกมานั้น “ดีตั้งแต่แรก โดยไม่ต้องรอแก้”
หากเปรียบ QC คือแพทย์ฉุกเฉิน QA ก็เปรียบเสมือนหมอเวชศาสตร์ป้องกัน
และ Leading KPI ก็คือเครื่องมือของ QA ที่แท้จริง
เพราะการจะวาง QA ที่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถอิงแค่ความรู้สึก ต้องอาศัยตัวชี้วัดเชิงล่วงหน้า — สิ่งที่ใช้วัดว่าเรากำลังเดินอยู่บนเส้นทางคุณภาพหรือเปล่า แม้ยังไม่มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น
ตัวอย่างง่าย ๆ:
  • หากคุณมี % ทีมงานที่ผ่านการอบรมความปลอดภัยก่อนเริ่มโครงการ นั่นคือ QA
  • หากคุณมีตัวชี้วัดว่าโครงการใดผ่านการตรวจสอบความเสี่ยงก่อนลงมือ นั่นคือ QA
  • หากคุณวัด % ของระบบที่ถูก Review ก่อน Deploy นั่นคือ QA
ทั้งหมดนี้ คือ Leading KPI ในร่างของ QA
ตรงกันข้าม ถ้าคุณวัดจำนวนปัญหาที่เจอหลังปล่อยงานไปแล้ว — นั่นคือ QC
ถ้าคุณรายงานว่าเจอ Defect กี่จุด นั่นคือ QC
และทั้งหมดคือ Lagging KPI ที่บอกคุณว่า “เรารอดหรือพัง” หลังทุกอย่างจบไปแล้ว
แน่นอนว่าทั้ง QA และ QC มีคุณค่าในแบบของตนเอง
แต่หากต้องเลือกว่า “อะไรสะท้อนระดับความคิดเชิงระบบของผู้นำ”
คำตอบไม่ใช่ QC
คำตอบคือ QA
และถ้าคุณต้องการวัดว่าองค์กรของคุณกำลังเดินสู่ความยั่งยืนหรือเปล่า
คุณจะต้องมองที่ Leading KPI
เพราะนั่นคือสิ่งที่วัดได้ว่า
คุณมีระบบที่ดีตั้งแต่แรก หรือแค่มีทีมที่เก่งในการเก็บซากซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
สุดท้ายนี้…
องค์กรที่ฉลาดไม่ใช่แค่ “วัดให้ได้”
แต่ต้อง “มองให้ไกล”
ไม่ใช่แค่รู้ว่าอะไรผิดพลาด แต่ต้องสร้างเงื่อนไขที่จะไม่ให้มันผิดอีก
เพราะคนที่ควบคุมคุณภาพไม่ใช่คนที่เก่งแต่ตรวจสอบ
แต่คือคนที่กล้าวางระบบให้สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นตั้งแต่ต้น
และนั่นคือพลังของ QA
และนั่นคือคุณค่าที่แท้จริงของ Leading KPI

ทำไม “Leading KPI” จึงสำคัญกว่าที่เราเคยมองเห็น และทำไมคนที่เข้าใจ QA จึงมีอาวุธที่ QC ไม่มี

ในโลกของการทำงาน หลายองค์กรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบผลลัพธ์ เช่น ระบบสำเร็จหรือไม่, ลูกค้าร้องเรียนเท่าไร, สินค้าผ่าน QC มากน้อยแค่ไหน สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เรียกว่า Lagging KPI ตัวชี้วัดที่รอให้ทุกอย่างจบแล้วค่อยบอกเราว่า “เกิดอะไรขึ้น”
แต่คำถามที่สำคัญกว่าคือ… “เราจะปล่อยให้เรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นก่อน แล้วค่อยวัดผลมันทุกครั้งไปหรือ?”

ในระบบคุณภาพ คำตอบนี้สะท้อนชัดผ่านแนวคิดของ QA และ QC

🚨

QC (Quality Control)

คือสิ่งที่เราทำเมื่อสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นแล้ว — ตรวจสอบ ตรวจจับ และตัดสินใจว่าผลลัพธ์นั้นใช้ได้หรือไม่

🛡️

QA (Quality Assurance)

คือการวางแผนและออกแบบกระบวนการล่วงหน้า เพื่อให้สิ่งที่ออกมานั้น “ดีตั้งแต่แรก โดยไม่ต้องรอแก้”

หากเปรียบ QC คือแพทย์ฉุกเฉิน QA ก็เปรียบเสมือนหมอเวชศาสตร์ป้องกัน และ Leading KPI ก็คือเครื่องมือของ QA ที่แท้จริง เพราะการจะวาง QA ที่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถอิงแค่ความรู้สึก ต้องอาศัยตัวชี้วัดเชิงล่วงหน้า — สิ่งที่ใช้วัดว่าเรากำลังเดินอยู่บนเส้นทางคุณภาพหรือเปล่า แม้ยังไม่มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น

ตัวอย่างของ QA (Leading KPI)

✅ หากคุณมี % ทีมงานที่ผ่านการอบรมความปลอดภัยก่อนเริ่มโครงการ

✅ หากคุณมีตัวชี้วัดว่าโครงการใดผ่านการตรวจสอบความเสี่ยงก่อนลงมือ

✅ หากคุณวัด % ของระบบที่ถูก Review ก่อน Deploy

📉ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณวัดจำนวนปัญหาที่เจอหลังปล่อยงานไปแล้ว — นั่นคือ QC, ถ้าคุณรายงานว่าเจอ Defect กี่จุด — นั่นคือ QC, และทั้งหมดคือ Lagging KPI ที่บอกคุณว่า “เรารอดหรือพัง” หลังทุกอย่างจบไปแล้ว

แน่นอนว่าทั้ง QA และ QC มีคุณค่าในแบบของตนเอง แต่หากต้องเลือกว่า “อะไรสะท้อนระดับความคิดเชิงระบบของผู้นำ” คำตอบไม่ใช่ QC คำตอบคือ QA

และถ้าคุณต้องการวัดว่าองค์กรของคุณกำลังเดินสู่ความยั่งยืนหรือเปล่า คุณจะต้องมองที่ Leading KPI เพราะนั่นคือสิ่งที่วัดได้ว่า

“คุณมีระบบที่ดีตั้งแต่แรก หรือแค่มีทีมที่เก่งในการเก็บซากซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

🎯สุดท้ายนี้… องค์กรที่ฉลาดไม่ใช่แค่ “วัดให้ได้” แต่ต้อง “มองให้ไกล” ไม่ใช่แค่รู้ว่าอะไรผิดพลาด แต่ต้องสร้างเงื่อนไขที่จะไม่ให้มันผิดอีก

เพราะคนที่ควบคุมคุณภาพไม่ใช่คนที่เก่งแต่ตรวจสอบ แต่คือคนที่กล้าวางระบบให้สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นตั้งแต่ต้น และนั่นคือพลังของ QA และนั่นคือคุณค่าที่แท้จริงของ Leading KPI

เกี่ยวกับผู้เขียน

อาจารย์ ไกรกิติ ทิพกนก

Languages: EN I TH

Ready to join our knowledge castle?

Find the right program for your organization and achieve your goals today

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save