NLP Model of Communication: ทำไมเราถึงเห็นโลกไม่เหมือนกัน?
🧠เราทุกคนรับข้อมูลมหาศาลในแต่ละวัน แต่สมองของเราจะ "กรองข้อมูล" เหล่านั้นก่อนรับรู้ผ่าน 3 กลไกหลักคือ ลบทิ้ง (Deletion), บิดเบือน (Distortion), และ เหมารวม (Generalization) เมื่อเข้าใจ 3 กลไกนี้ เราจะรู้ว่าสิ่งที่แต่ละคนพูดหรือทำ มาจากการรับรู้ภายใน ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด
✂️1. ลบทิ้ง (Deletion) – มองไม่ครบเพราะตัดบางส่วนออก
สมองมัก "ลืมหรือมองข้าม" ข้อมูลบางอย่าง เช่น คำชม หรือเหตุผลของอีกฝ่าย ทำให้เข้าใจไม่ครบถ้วน
❌ แบบทั่วไป (มองไม่ครบ):
หัวหน้า: “งานนี้ยังไม่ตรงตามที่ต้องการ”
พนักงาน: “เขาว่าฉันทำไม่ดีอีกแล้ว”
✅ แบบเข้าใจการลบทิ้ง:
พนักงาน: “เห็นด้วยค่ะว่ายังมีส่วนที่ต้องปรับ และอยากทราบเพิ่มอีกนิดว่า ส่วนไหนที่อยากให้แก้เป็นพิเศษคะ?”
แนวทางใช้: อย่าด่วนตีความจาก "บางคำ" และถามเพื่อเติมข้อมูลที่อาจถูกลืม
🌀2. บิดเบือน (Distortion) – แปลความต่างจากความจริง
บางครั้งเราฟังแล้ว "คิดต่อเอง" หรือตีความเกินจริง เช่น คิดว่าคนอื่นไม่ชอบ ทั้งที่เขาอาจแค่ยุ่ง
❌ แบบทั่วไป (แปลความผิด):
(เพื่อนร่วมงานเดินผ่านแต่ไม่ทัก)
พนักงาน: “เขาคงไม่ชอบฉันแน่เลย”
✅ แบบเข้าใจการบิดเบือน:
พนักงาน: “ขอบคุณตัวเองที่สังเกตได้ และลองคิดอีกมุมว่าเขาอาจกำลังรีบ หรือมีเรื่องในใจอยู่ก็ได้”
แนวทางใช้: อย่าด่วนสรุปจากการคาดเดา ฝึกมอง "อีกมุม" เพื่อเข้าใจสถานการณ์
🔁3. เหมารวม (Generalization) – ใช้เหตุการณ์หนึ่งมาตัดสินทั้งหมด
เมื่อมีประสบการณ์บางอย่าง เรามักใช้มันเป็นมาตรฐานตัดสินทุกครั้ง เช่น เคยถูกตำหนิครั้งหนึ่ง ก็คิดว่าทุกครั้งจะโดนอีก
❌ แบบทั่วไป (เหมารวม):
“หัวหน้าชอบตำหนิฉันตลอดเลย!”
✅ แบบเข้าใจการเหมารวม:
“ขอบคุณตัวเองที่อยากทำให้ดีขึ้น และถ้ามองย้อนหลัง หัวหน้าก็มีหลายครั้งที่ชมเหมือนกันนะ ครั้งนี้อาจเป็นแค่คำเตือนให้ระวังมากขึ้น”
แนวทางใช้: แยกแยะ "บางครั้ง" ออกจาก "ทุกครั้ง" เพื่อคืนความเป็นจริงให้สมดุล
✨เมื่อพนักงานเข้าใจกลไก ลบทิ้ง – บิดเบือน – เหมารวม จะช่วยให้สื่อสารอย่างเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ และลดความขัดแย้งได้มากขึ้น เพราะท้ายที่สุดแล้ว "การเข้าใจสำคัญกว่าการตัดสิน"
