เรื่องโดย
อาจารย์ไกรกิติ ทิพกนก
ผู้อำนวยการสถาบัน KCT Academy
ถึงตอนนี้พนักงานของคุณบางส่วนอาจกำลังปรับตัวให้เข้ากับสภาพการทำงานจากที่บ้านได้ดีขึ้น
แต่สำหรับพนักงานบางคนการทำงานจากที่บ้านเป็นครั้งแรก อาจหมายถึงการต้องเริ่มต้นหาวิธีการทำงานในสภาพแวดล้อมใหม่ที่อาจทำให้ตัวเองไม่มีผลงานที่ดี ส่งผลกระทบไปยังบริษัทที่จะเกิดความเสี่ยงที่ประสิทธิภาพการทำงานจะลดลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งภาวะ COVID-19 ยืดยาวออกไป ประสิทธิภาพของทีมโดยรวมก็ยิ่งมีโอกาสลดลงมาก
ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำในการบริหารงานเชิงรุกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขวัญกำลังใจ เพื่อช่วยพนักงานผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในระหว่างการทำงานอยู่ที่บ้าน
พิชิตเป้าหมายย่อย ฝังทัศนคติของผู้ชนะ
ทุกๆวัน คุณควรสื่อสารเพื่อปลูกฝังความคิดผู้ชนะและหมั่นส่งข้อความที่กระตุ้นให้พวกเขามีความฮึกเหิม ในการพัฒนาตนเอง
พนักงานที่กระท่อนกระแท่นในการสร้างผลลัพธ์ เพราะพวกเขามัวจมอยู่กับความคิดยอมแพ้ สยบยอมคู่ต่อสู้ที่เก่งกว่าหรือวิกฤตที่เข้ามา ในฐานะผู้บริหาร ผมแนะนำว่าคุณควรซอยงานลงมาให้เป็นเป้าหมายย่อยๆ เพื่อให้พนักงานพิชิตความสำเร็จได้ง่ายขึ้น คุณอาจทำ Daily Checklist (รายการสิ่งที่ต้องทำรายวัน) เพื่อให้พวกเขาโฟกัสกับสิ่งที่ต้องทำ มันอาจดูเป็นสิ่งที่ Micro manage (การบริหารอย่างใกล้ชิด) พอสมควร แต่ในสถานการณ์การวิกฤต การมีผู้บริหารทำงานไปข้างๆกันย่อมสร้างความมั่นใจกว่าทำเพียงลำพัง แล้วเมื่อพวกเขาพิชิตเป้าหมายในแต่ละวันได้ชัยชนะแม้เล็กน้อยในแต่ละวันจะเพิ่มความมั่นใจ และความกระตือรือร้นในการทำงานมากขึ้น
สื่อสารกันให้บ่อยครั้ง
กุญแจสำคัญในการทำงานจากที่บ้านคือการสื่อสารกับลูกน้องของคุณอย่างชัดเจน จงทำให้พวกเขารู้ว่าคุณคาดหวังอะไร พนักงานและผู้บริหารจะต้องเห็นและได้ยินบ่อยๆ คุณอาจใช้ Zoom Meeting หรือเทคโนโลยีอื่น ตลอดจน Social Media ในบางกรณี เพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานของคุณเห็นคุณทุกวัน (หรือมากกว่านั้นเมื่อมีความจำเป็น) แม้จะวันนั้นจะมีการอัพเดทข้อมูลเพียงเล็กน้อยก็ตาม เพราะความเงียบนั้นไม่ได้ส่งผลดีอะไรกับการบริหารบุคคลากร โดยเฉพาะในช่วงวิกฤต การจัดลำดับความสำคัญเรื่องที่ต้องสื่อสาร การสื่อสารตัวต่อตัว และการประชุมทีมและการเช็คอินว่ากำลังทำงานร่วมกันอยู่ จะช่วยให้มั่นใจว่าได้การดำเนินงานของบริษัทยังคงอยู่บนมาตรฐานและการกำกับดูแล
เปิดกว้างและโปร่งใส
ในช่วงเวลาที่ไม่ทราบว่าวิกฤตจะนำเราไปในทิศทางใด พนักงาน อาจตั้งคำถามซึ่งคุณอาจให้คำตอบไม่ได้ หรือไม่สามารถทำได้ สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้นำที่จะควบคุมตนเองให้สงบนิ่งและใช้สติในการแก้สถานการณ์ เมื่อมีความจำเป็นต้องให้ข้อมูล คุณต้องให้ข้อมูลที่โปร่งใส เพราะข้อมูลที่ตรงไปตรงมาเป็นองค์ประกอบสำคัญในการรักษาความไว้วางใจ สื่อสารอย่างตรงไปตรงมาให้ข้อมูลว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ทำไม และอย่างไรอย่าปล่อยให้พวกเขาตอบคำถามที่อยู่ในใจพวกเขาด้วยข่าวลือ
มีระบบและกระบวนการต่าง ๆที่ช่วยในการทำงาน
การดึงดูดให้แต่ละคนพยายามสร้างผลลัพธ์เพื่อให้แน่ใจว่าธุรกิจของคุณอยู่รอด คุณต้องทำความเข้าใจกับพวกเขาก่อนว่าพวกเขามองหาระบบการทำงาน เทคโนโลยี อะไรที่ช่วยให้พวกเขาทำงานได้ง่ายขึ้น และปิดจุดบอด ข้อด้อยในการทำงานส่วนบุคคล
ผมแนะนำว่าคุณอาจตั้งทีมที่คอยให้คำปรึกษาขึ้นมาหนึ่งทีม ที่คอยช่วยเหลือทั้งการใช้เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารและการทำงาน เพื่อสนับสนุนการทำงานของพนักงานที่กำลังทำงานที่บ้าน หากบริษัทของคุณมีพนักงานที่ทำงานทั้งที่บ้านและออฟฟิศคุณต้องหาทางทำให้พวกเขาสื่อสารกันมากขึ้นบนออนไลน์และให้พวกเขามองหาโอกาสในการส่งเสริมและปกปิดจุดบอดของกันและกัน
อย่าละทิ้งการพัฒนามืออาชีพ
คุณควรพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาพนักงานของคุณที่ยังเหลืออยู่ ยิ่งคุณมีพนักงานน้อยเท่าไหร่ศักยภาพของแต่ละคนยิ่งต้องเพิ่มมากขึ้น คุณสามารถฝึกอบรมพนักงานที่มีอยู่ของคุณให้มีทักษะเพิ่มเติม มากกว่าที่จะจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นในขณะนี้ มีหลักสูตรออนไลน์จำนวนมากที่มีราคาไม่แพงมากและสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้พวกเขาพัฒนาตนเองได้ อย่างเช่น คอร์ส วิธีการสร้างกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงและสามารถทำได้จากที่บ้าน ในขณะที่คุณหรือทีมของคุณกำลัง Isolating อยู่ลำพัง ลองค้นหาหลักสูตรและแหล่งข้อมูลที่ตรงกับความต้องการขององค์กรคุณมากที่สุดและเหมาะสมกับงบประมาณของคุณในช่วงเวลานี้ดู
คอยปลอบขวัญและให้กำลังใจ
จงทำให้คนรอบตัวมีความสุข กำลังใจและอารมณ์ขันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนกำลังใจ ในเวลาที่ไม่แน่นอนมันเป็นสิ่งจำเป็น ผู้คนมักรู้สึกวิตกกังวลมากเวลาที่พวกเขาไม่สามารถควบคุมอะไรได้ ในฐานะ HR จงเอาใจใส่และบริหารบนความยืดหยุ่น ผ่อนคลายนโยบายบางข้อของบริษัทเพื่อให้ทำงานได้อย่างไม่กดดันในภาวะวิกฤต
คุณต้องไม่ลืมว่าอารมณ์ ความตึงเครียดสามารถเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อสมาชิกครอบครัวทุกคนอยู่ในบ้านร่วมกันในระหว่างนี้ (คู่สมรส, เด็กเล็ก, ผู้สูงวัย ) ผู้บริหารสามารถให้กำลังใจพวกเขาได้จากการส่งข้อความให้กำลังใจ เรื่องราวสนุกๆรอบๆตัว ดึงพวกเขาออกจากความเคร่งเครียด หรือ การส่งเสบียงหรือความช่วยเหลืออื่น ๆ ถึงบ้านของพวกเขา ก็จะช่วยบรรเทาความเครียดเหล่านั้นได้
สิ่งสำคัญประการสุดท้ายคือ ผู้บริหาร และ HR ควรดูแลพนักงานของคุณราวกับว่าพวกเขาเป็นลูกของคุณและทำให้พวกเขาแต่ละคนรู้ว่าเมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาจะต้องเป็นคนที่ต้องควบคุมทิศทางองค์กรในอนาคต ดังนั้นคุณและเขาต้องร่วมมือกันหาวิธีทำงานที่ลงตัวที่สุดให้ได้