
ในยุคที่ข้อมูลคืออาวุธสำคัญทางธุรกิจ ระบบ CRM (Customer Relationship Management) กลายเป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยจัดระเบียบกระบวนการขายแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ ติดตามโอกาสการขายแบบเรียลไทม์ หรือวิเคราะห์ประสิทธิภาพทีมขายได้อย่างแม่นยำ บทความนี้จะพาคุณสำรวจวิธีใช้ CRM อย่างมืออาชีพ ตั้งแต่การเลือกระบบที่ตอบโจทย์ธุรกิจ ไปจนถึงเทคนิคปรับใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมไขข้อสงสัยว่าทำไมองค์กรชั้นนำถึงเลือกใช้ CRM เป็นกระดูกสันหลังหลักในการขับเคลื่อนยอดขาย
1. CRM คืออะไร และทำไมจึงสำคัญต่อกระบวนการขาย
CRM หรือ Customer Relationship Management คือระบบจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า ที่ช่วยรวบรวม จัดระเบียบ และวิเคราะห์ข้อมูลการติดต่อกับลูกค้าทุกช่องทาง ตั้งแต่อีเมล โทรศัพท์ โซเชียลมีเดีย ไปจนถึงการพบปะโดยตรง
องค์ประกอบหลักของ CRM
ระบบ CRM ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญที่ทำงานประสานกัน:
- การจัดการข้อมูลลูกค้า (Customer Data Management)
- การติดตามการขาย (Sales Pipeline Management)
- การวิเคราะห์และรายงานผล (Analytics & Reporting)
"CRM ไม่ใช่แค่ซอฟต์แวร์ แต่เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้เราเข้าใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น"
ความสำคัญต่อกระบวนการขาย
CRM กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการขายด้วยเหตุผลหลายประการ:
ด้าน | ประโยชน์ที่ได้รับ |
---|---|
ประสิทธิภาพ | ลดเวลาในการจัดการเอกสารลง 20-30% |
การติดตามลูกค้า | เพิ่มอัตราการปิดการขายได้ถึง 25% |
การวิเคราะห์ข้อมูล | ช่วยคาดการณ์พฤติกรรมลูกค้าได้แม่นยำขึ้น 35% |
Fun Fact
รู้หรือไม่? บริษัทที่ใช้ CRM มีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มขึ้นต่อพนักงานขายหนึ่งคนสูงถึง 41% เมื่อเทียบกับบริษัทที่ไม่ได้ใช้ระบบ CRM
ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นเรื่อยๆ CRM ไม่ใช่แค่ตัวเลือก แต่เป็นความจำเป็นสำหรับธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน การมีระบบ CRM ที่ดีจะช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น ตอบสนองความต้องการได้รวดเร็วขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ประโยชน์ของ CRM ในการจัดการข้อมูลลูกค้า
การจัดการข้อมูลลูกค้าที่มีประสิทธิภาพคือหัวใจสำคัญของความสำเร็จในการขาย CRM ช่วยให้คุณจัดการข้อมูลได้อย่างเป็นระบบและนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
การรวมศูนย์ข้อมูลลูกค้า
CRM ทำหน้าที่เป็นฐานข้อมูลกลางที่รวบรวมข้อมูลสำคัญทั้งหมดเกี่ยวกับลูกค้าไว้ในที่เดียว:
ประเภทข้อมูล | รายละเอียด |
---|---|
ข้อมูลพื้นฐาน | ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร อีเมล |
ประวัติการติดต่อ | การสนทนา การประชุม อีเมลโต้ตอบ |
พฤติกรรมการซื้อ | สินค้าที่สนใจ ความถี่ในการซื้อ มูลค่าการซื้อ |
การแบ่งกลุ่มลูกค้าอัตโนมัติ
CRM ช่วยจัดกลุ่มลูกค้าตามคุณลักษณะต่างๆ เช่น:
- ระดับความสนใจในการซื้อ (Lead Scoring)
- มูลค่าการซื้อสะสม (Customer Value)
- ความถี่ในการซื้อซ้ำ (Purchase Frequency)
- พฤติกรรมการมีส่วนร่วม (Engagement Level)
การสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบส่วนตัว
ด้วยข้อมูลที่ครบถ้วน CRM ช่วยให้คุณ:
- ส่งข้อเสนอที่เหมาะสมกับความสนใจของลูกค้าแต่ละราย
- แจ้งเตือนวันสำคัญหรือโอกาสพิเศษของลูกค้า
- ติดตามและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
"ข้อมูลที่ดีไม่ได้หมายถึงข้อมูลที่มากที่สุด แต่คือข้อมูลที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง"
การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
CRM มาพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง:
- การเข้ารหัสข้อมูลแบบ End-to-end
- การกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลตามระดับผู้ใช้งาน
- การบันทึกประวัติการเข้าถึงและแก้ไขข้อมูล
การใช้ CRM ในการจัดการข้อมูลลูกค้าไม่เพียงช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังช่วยสร้างความประทับใจและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จทางธุรกิจ

3. การใช้ CRM เพื่อติดตามและวิเคราะห์โอกาสการขาย
การติดตามและวิเคราะห์โอกาสการขายผ่าน CRM ช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของ Sales Pipeline และคาดการณ์ยอดขายได้แม่นยำยิ่งขึ้น
การจัดการ Sales Pipeline
CRM ช่วยแบ่งขั้นตอนการขายเป็นระยะต่างๆ ได้อย่างชัดเจน:
ขั้นตอน | กิจกรรมหลัก | เป้าหมาย |
---|---|---|
Lead Generation | ค้นหาและรวบรวมผู้สนใจ | สร้างฐานลูกค้าที่มีศักยภาพ |
Qualification | คัดกรองลูกค้าที่มีโอกาสซื้อ | ระบุกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน |
Proposal | นำเสนอสินค้า/บริการ | ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า |
Negotiation | ต่อรองและปิดการขาย | สร้างข้อตกลงที่ทุกฝ่ายพอใจ |
การวิเคราะห์โอกาสการขาย
CRM ให้เครื่องมือวิเคราะห์ที่ช่วยในการตัดสินใจ:
- Win Probability Calculator - คำนวณโอกาสปิดการขาย
- Deal Score - คะแนนประเมินคุณภาพดีล
- Revenue Forecasting - คาดการณ์รายได้
การติดตามกิจกรรมการขาย
ระบบช่วยจัดการและเตือนกิจกรรมสำคัญ:
- นัดหมายพบลูกค้า
- กำหนดส่งข้อเสนอ
- ติดตามการตอบกลับ
- แจ้งเตือนการต่อสัญญา
การวัดประสิทธิภาพการขาย
CRM แสดงตัวชี้วัดสำคัญในการขาย:
KPI | ความสำคัญ |
---|---|
Conversion Rate | อัตราการปิดการขายสำเร็จ |
Sales Velocity | ความเร็วในการปิดการขาย |
Average Deal Size | มูลค่าเฉลี่ยต่อดีล |
"การติดตามที่ดีไม่ใช่แค่รู้ว่าลูกค้าอยู่ที่ไหน แต่ต้องรู้ว่าจะพาเขาไปที่ไหนต่อ"
การใช้ AI ในการวิเคราะห์
CRM สมัยใหม่ใช้ AI ช่วยในการ:
- ทำนายพฤติกรรมการซื้อ
- แนะนำช่วงเวลาที่เหมาะสมในการติดต่อ
- ระบุสัญญาณการสูญเสียลูกค้า
- เสนอแนะกลยุทธ์การขายที่เหมาะสม
การใช้ CRM ในการติดตามและวิเคราะห์โอกาสการขายช่วยให้ทีมขายทำงานได้อย่างมีระบบ มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ และสามารถปรับกลยุทธ์ได้ทันท่วงที ส่งผลให้อัตราความสำเร็จในการปิดการขายสูงขึ้น

4. การจัดการทีมขายด้วย CRM อย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้ CRM ในการบริหารทีมขายไม่เพียงช่วยจัดระเบียบการทำงาน แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างแรงจูงใจให้ทีมขายได้อย่างเป็นระบบ
การแบ่งงานและมอบหมายลูกค้า
เกณฑ์การแบ่ง | ประโยชน์ |
---|---|
พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ | ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง |
ประเภทอุตสาหกรรม | เพิ่มความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน |
ขนาดธุรกิจของลูกค้า | จัดสรรทรัพยากรได้เหมาะสม |
การติดตามผลงานแบบเรียลไทม์
CRM ช่วยให้ผู้จัดการทีมขายสามารถ:
- ดูความคืบหน้าของดีลแต่ละรายการ
- ติดตามกิจกรรมการขายของพนักงานแต่ละคน
- ตรวจสอบรายงานการเข้าพบลูกค้า
- วิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงานรายบุคคล
การสร้างแรงจูงใจและการแข่งขัน
ระบบ CRM สามารถแสดงผลงานในรูปแบบที่กระตุ้นการแข่งขัน:
- Leaderboard แสดงอันดับยอดขาย
- Dashboard แสดงความสำเร็จตาม KPI
- ระบบให้รางวัลตามเป้าหมายที่กำหนด
การฝึกอบรมและพัฒนาทีม
CRM ช่วยระบุโอกาสในการพัฒนาทีมขาย:
ด้านที่ต้องพัฒนา | วิธีการปรับปรุง |
---|---|
ทักษะการเจรจา | วิเคราะห์จากอัตราการปิดการขาย |
การบริหารเวลา | ดูจากประสิทธิภาพการจัดการนัดหมาย |
ความรู้ผลิตภัณฑ์ | ตรวจสอบจากคำถามที่พบบ่อย |
"ทีมขายที่เก่งไม่ได้เกิดจากการมีคนเก่ง แต่เกิดจากการมีระบบที่ดีในการพัฒนาคน"
การสื่อสารภายในทีม
CRM ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร:
- แชทภายในระบบสำหรับทีมขาย
- การแชร์เอกสารและข้อมูลสำคัญ
- การแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง
- การส่งต่องานระหว่างทีม
การจัดการทีมขายผ่าน CRM ช่วยให้ผู้จัดการสามารถดูแลทีมได้อย่างใกล้ชิด พัฒนาศักยภาพของพนักงานได้ตรงจุด และสร้างวัฒนธรรมการขายที่เน้นผลลัพธ์และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

5. การเลือก CRM ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
การเลือก CRM ที่เหมาะสมเป็นก้าวสำคัญที่จะกำหนดความสำเร็จในการใช้งาน โดยต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการและข้อจำกัดขององค์กร
ปัจจัยในการเลือก CRM
ปัจจัย | สิ่งที่ต้องพิจารณา |
---|---|
ขนาดธุรกิจ | จำนวนผู้ใช้งาน, ปริมาณข้อมูล, งบประมาณ |
ความซับซ้อน | ฟีเจอร์ที่จำเป็น, การปรับแต่ง, การบูรณาการ |
การเข้าถึง | Cloud/On-premise, การใช้งานบนมือถือ |
การสนับสนุน | การฝึกอบรม, ความช่วยเหลือทางเทคนิค |
ประเภทของ CRM
CRM แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก:
- Operational CRM - เน้นการจัดการกระบวนการขายประจำวัน
- Analytical CRM - เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
- Collaborative CRM - เน้นการทำงานร่วมกันระหว่างทีม
การเปรียบเทียบค่าใช้จ่าย
รูปแบบการคิดค่าบริการ | ข้อดี | ข้อควรระวัง |
---|---|---|
รายเดือน/รายปี | ยืดหยุ่น, อัพเดทสม่ำเสมอ | ค่าใช้จ่ายระยะยาว |
ซื้อขาด | ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ | ต้องดูแลระบบเอง |
Pay-per-user | จ่ายตามการใช้จริง | ต้นทุนอาจสูงเมื่อขยายทีม |
ฟีเจอร์ที่ควรมี
ฟีเจอร์พื้นฐานที่ CRM ควรมี:
- การจัดการข้อมูลลูกค้า
- การติดตามการขาย
- การรายงานและวิเคราะห์
- การทำงานร่วมกับแอพอื่น
- ระบบความปลอดภัย
"CRM ที่ดีที่สุดไม่ใช่ตัวที่มีฟีเจอร์มากที่สุด แต่คือตัวที่ทีมของคุณใช้งานได้จริง"
ขั้นตอนการเลือก CRM
- วิเคราะห์ความต้องการของธุรกิจ
- กำหนดงบประมาณที่เหมาะสม
- ทดลองใช้งานเวอร์ชันทดลอง
- ปรึกษาทีมงานที่จะใช้จริง
- ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ
การเลือก CRM ที่เหมาะสมต้องคำนึงถึงการเติบโตในอนาคต ความสามารถในการปรับแต่ง และความคุ้มค่าในระยะยาว การตัดสินใจที่รอบคอบจะช่วยให้การลงทุนใน CRM คุ้มค่าและสร้างประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจ

6. ขั้นตอนการเริ่มต้นใช้งาน CRM ในองค์กร
การเริ่มต้นใช้งาน CRM ให้ประสบความสำเร็จต้องมีการวางแผนและดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเตรียมความพร้อมองค์กร
ขั้นตอน | รายละเอียด |
---|---|
วางแผนการใช้งาน | กำหนดเป้าหมาย ระยะเวลา และทรัพยากรที่ต้องใช้ |
จัดตั้งทีมรับผิดชอบ | เลือกผู้นำโครงการและทีมงานหลัก |
เตรียมโครงสร้างพื้นฐาน | จัดเตรียมอุปกรณ์และระบบเครือข่าย |
การนำเข้าข้อมูล
ขั้นตอนสำคัญในการจัดการข้อมูล:
- ทำความสะอาดฐานข้อมูลเดิม
- จัดระเบียบข้อมูลตามโครงสร้างใหม่
- ทดสอบการนำเข้าข้อมูลกลุ่มเล็ก
- นำเข้าข้อมูลทั้งหมด
- ตรวจสอบความถูกต้อง
การฝึกอบรมพนักงาน
แผนการฝึกอบรมที่ครอบคลุม:
- การอบรมพื้นฐานการใช้งานระบบ
- การฝึกปฏิบัติจากสถานการณ์จริง
- การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น
- การใช้งานฟีเจอร์ขั้นสูง
การทดสอบระบบ
ประเภทการทดสอบ | จุดประสงค์ |
---|---|
Unit Testing | ทดสอบการทำงานแต่ละฟีเจอร์ |
Integration Testing | ทดสอบการทำงานร่วมกันของระบบ |
User Acceptance Testing | ทดสอบการใช้งานจริงโดยผู้ใช้ |
"การเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จ เริ่มต้นจากการเตรียมพร้อมที่ดี"
การเริ่มใช้งานจริง
แนวทางการ Go-Live ที่มีประสิทธิภาพ:
- เริ่มจากทีมนำร่องขนาดเล็ก
- ขยายการใช้งานทีละแผนก
- มีทีมสนับสนุนพร้อมช่วยเหลือ
- เก็บข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุง
การติดตามและประเมินผล
ตัวชี้วัดความสำเร็จในการใช้งาน:
KPI | เป้าหมาย |
---|---|
อัตราการใช้งานระบบ | 80% ของพนักงานทั้งหมด |
ความถูกต้องของข้อมูล | 95% ขึ้นไป |
ความพึงพอใจผู้ใช้ | คะแนน 4 จาก 5 |
การเริ่มต้นใช้งาน CRM อย่างเป็นระบบจะช่วยลดปัญหาและอุปสรรคในการใช้งาน ทำให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากระบบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และสร้างผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว

7. การวัดผลความสำเร็จจากการใช้ CRM
การวัดผลความสำเร็จจากการใช้ CRM เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรทราบถึงประสิทธิภาพการใช้งานและผลตอบแทนจากการลงทุน
ตัวชี้วัดด้านการขาย
KPI | วิธีการวัด | เป้าหมายทั่วไป |
---|---|---|
Conversion Rate | จำนวนดีลที่ปิดได้/จำนวนลีดทั้งหมด | เพิ่มขึ้น 20-30% |
Sales Cycle Length | ระยะเวลาเฉลี่ยในการปิดการขาย | ลดลง 15-25% |
Average Deal Size | มูลค่าเฉลี่ยต่อการขาย | เพิ่มขึ้น 10-20% |
ตัวชี้วัดด้านลูกค้า
ตัวชี้วัด | ผลลัพธ์ที่คาดหวัง |
---|---|
Customer Retention Rate | เพิ่มขึ้น 15-25% |
Customer Satisfaction Score | เพิ่มขึ้น 20-30% |
Customer Lifetime Value | เพิ่มขึ้น 25-35% |
ตัวชี้วัดด้านประสิทธิภาพการทำงาน
- เวลาในการตอบสนองลูกค้าลดลง
- จำนวนลูกค้าที่พนักงานดูแลได้เพิ่มขึ้น
- ความแม่นยำในการพยากรณ์ยอดขาย
- อัตราการใช้งานระบบของพนักงาน
การวัดผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI)
สูตรคำนวณ ROI พื้นฐาน:
ROI = ((ผลประโยชน์ที่ได้รับ - ต้นทุนการลงทุน) / ต้นทุนการลงทุน) x 100
การวิเคราะห์ผลกระทบทางธุรกิจ
ด้าน | ตัวชี้วัดความสำเร็จ |
---|---|
การเงิน | รายได้เพิ่มขึ้น, ต้นทุนลดลง |
กระบวนการ | ประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้น |
นวัตกรรม | การพัฒนาผลิตภัณฑ์/บริการใหม่ |
การรายงานผล
รูปแบบการรายงานที่ควรมี:
- Dashboard แสดงผลแบบเรียลไทม์
- รายงานประจำสัปดาห์/เดือน
- การวิเคราะห์เทรนด์และแนวโน้ม
- รายงานเปรียบเทียบก่อน-หลังใช้ CRM
"สิ่งที่วัดได้คือสิ่งที่จัดการได้ การวัดผลที่ดีนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน"
การวัดผลความสำเร็จจากการใช้ CRM ไม่เพียงช่วยให้องค์กรทราบถึงคุณค่าของการลงทุน แต่ยังช่วยชี้ให้เห็นโอกาสในการพัฒนาและปรับปรุงการใช้งานระบบให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Key Takeaways
ความสำคัญของ CRM ต่อธุรกิจ
- CRM ช่วยจัดระเบียบข้อมูลลูกค้าและกระบวนการขายทั้งหมดไว้ในที่เดียว
- ระบบช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทีมขายได้ถึง 20-30%
- การวิเคราะห์ข้อมูลใน CRM ช่วยคาดการณ์พฤติกรรมลูกค้าได้แม่นยำขึ้น
การเลือกและเริ่มต้นใช้งาน CRM
- เลือก CRM ที่เหมาะกับขนาดธุรกิจและความต้องการขององค์กร
- วางแผนการนำเข้าข้อมูลและฝึกอบรมพนักงานอย่างเป็นระบบ
- เริ่มใช้งานแบบค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากทีมนำร่องขนาดเล็ก
การวัดผลความสำเร็จ
- ติดตาม KPI สำคัญทั้งด้านการขาย การบริการลูกค้า และประสิทธิภาพการทำงาน
- วิเคราะห์ ROI เพื่อประเมินความคุ้มค่าในการลงทุน
- ใช้ข้อมูลจากการวัดผลมาปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง
คำถามพบบ่อย (FAQ)
CRM มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
ค่าใช้จ่าย CRM มีหลายรูปแบบ ตั้งแต่ฟรีสำหรับทีมขนาดเล็ก ไปจนถึงแบบเสียค่าบริการรายเดือนที่เริ่มต้นที่ประมาณ 1,000-3,000 บาทต่อผู้ใช้งาน ขึ้นอยู่กับฟีเจอร์และความต้องการขององค์กร
ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าทีมจะใช้งาน CRM ได้คล่อง?
โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือนสำหรับการปรับตัวและเริ่มใช้งานได้คล่อง ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของระบบและการฝึกอบรมที่มีประสิทธิภาพ
CRM สามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ ในองค์กรได้หรือไม่?
ได้ CRM ส่วนใหญ่รองรับการเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ เช่น ระบบอีเมล ระบบบัญชี หรือระบบ ERP ผ่าน API หรือปลั๊กอินที่มีให้
จำเป็นต้องมีทีม IT คอยดูแลระบบ CRM หรือไม่?
สำหรับ CRM แบบ Cloud-based ไม่จำเป็นต้องมีทีม IT เฉพาะ เพราะผู้ให้บริการจะเป็นผู้ดูแลระบบให้ แต่ควรมีผู้ดูแลระบบ (Admin) ที่เข้าใจการใช้งานและสามารถแก้ปัญหาเบื้องต้นได้
ข้อมูลใน CRM ปลอดภัยแค่ไหน?
CRM ระดับองค์กรมีระบบรักษาความปลอดภัยมาตรฐานสูง เช่น การเข้ารหัสข้อมูล การยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน และการสำรองข้อมูลอัตโนมัติ ทำให้ข้อมูลมีความปลอดภัยสูง
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- How Does CRM Help Sales? A Complete Guide - Technology Advice
- 12 Reasons Why Sales People Need CRM - SuperOffice CRM
- 13 Ways a Good CRM Reduces the Need for a Large Sales Team - Nutshell
- 10 CRM best practices to maximize small business sales in 2025 - Bigin
- The 11 Greatest Benefits of CRM Platforms - Salesforce Asia