Crisis Leadership: บทบาทผู้นำในยามวิกฤต
กลับมากันอีกครั้ง กับตอนที่ 4 ครับ ผมนำเรื่องราวของบทบาทการเป็นผู้นำในยามวิกฤต มาเล่าสู่กันฟังต่อจากตอน 3 เมื่อวานนี้ เมื่อทำการสื่อสารแล้ว ในฐานะของผู้นำ เราจะต้องดำเนินการต่ออย่างไร
👉ตอน 4 Crisis Leadership: บทบาทผู้นำในยามวิกฤต
วิกฤตเปรียบเสมือนพายุใหญ่ที่ไม่เพียงทดสอบความแข็งแรงของเรือและแผนการเดินทาง แต่ยังทดสอบหัวใจของกัปตัน ผู้ที่จะนำพาลูกเรือให้ฝ่าคลื่นลมไปได้คือผู้นำ และสิ่งที่แยกผู้นำออกจากผู้บริหารทั่วไปในยามวิกฤต ก็คือความสามารถที่จะทำให้คนทั้งองค์กรยังเชื่อมั่นและก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน
ในภาวะปกติ ผู้นำอาจถูกวัดด้วยตัวเลข ผลประกอบการ หรือแผนกลยุทธ์ที่เขียนไว้อย่างสวยงาม แต่เมื่อวิกฤตมาเยือน สิ่งเหล่านั้นแทบไม่เหลือความหมาย สิ่งที่สำคัญจริง ๆ คือการตัดสินใจอย่างฉับไว การสื่อสารอย่างชัดเจน และการยืนหยัดรับผิดชอบต่อทุกสายตา
ผู้นำในยามวิกฤตต้องมี
☝️ความเด็ดขาด (Decisiveness): เพราะเวลาที่สูญไปเพียงไม่กี่นาทีอาจหมายถึงความเสียหายมหาศาล แต่ความเด็ดขาดไม่ใช่การตัดสินใจแบบไร้เหตุผล หากแต่คือการใช้ข้อมูลที่มี ร่วมกับสัญชาตญาณและประสบการณ์ เพื่อเลือกทางที่ดีที่สุดในเวลาจำกัด
✌️ความโปร่งใส (Transparency): วิกฤตไม่ใช่เวลาที่จะปิดบังหรือหวังว่าปัญหาจะหายไปเอง ผู้นำต้องกล้าเผชิญความจริง บอกสิ่งที่รู้ บอกสิ่งที่ยังไม่รู้ และให้คำมั่นว่าจะหาคำตอบ การสื่อสารเช่นนี้อาจยาก แต่จะสร้างความเชื่อมั่นมากกว่าการพูดแบบเลี่ยงไปมา
👌ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy): เพราะวิกฤตไม่ได้ทำร้ายแค่ระบบหรือผลประกอบการ แต่มันกระทบชีวิตและความรู้สึกของผู้คน ผู้นำที่ยอมรับผิด แสดงความห่วงใย และยืนเคียงข้างผู้ได้รับผลกระทบ จะทำให้องค์กรไม่เพียงผ่านพ้น แต่ยังได้รับความศรัทธาที่ลึกซึ้งกว่าเดิม
🫶การสร้างการเรียนรู้ (Learning Mindset): เมื่อพายุผ่านไป ผู้นำไม่ควรหยุดอยู่ที่การฟื้นฟู แต่ต้องผลักดันให้องค์กรสรุปบทเรียนและปรับปรุง วิกฤตครั้งหนึ่งอาจทำให้เราบอบช้ำ แต่ถ้าเรียนรู้ มันจะกลายเป็นภูมิคุ้มกันที่ทำให้องค์กรแข็งแรงขึ้น
หลายกรณีศึกษาชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ความต่างของผลลัพธ์ในวิกฤตไม่ได้อยู่ที่ขนาดองค์กร แต่อยู่ที่ผู้นำ ตัวอย่างเช่น ผู้นำที่สื่อสารอย่างโปร่งใสและขอโทษอย่างจริงใจเมื่อบริษัทเผชิญปัญหา มักสามารถกอบกู้ศรัทธากลับมาได้เร็วกว่าผู้นำที่เลือกเงียบหรือโทษผู้อื่น
ว่าเขามีความกล้าหาญพอที่จะยืนหยัด มีความจริงใจพอที่จะสื่อสาร และมีความอ่อนโยนพอที่จะเห็นใจผู้คนหรือไม่ เพราะท้ายที่สุดแล้ว องค์กรจะผ่านวิกฤตไปได้หรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพายุที่แรงเพียงใด แต่ขึ้นอยู่กับว่ากัปตันคนนั้นจะพาเรือฝ่าคลื่นไปได้อย่างไร
⏳ครั้งต่อไปผมจะมาชวนคุย AI จะเข้ามามีบทบาทต่อการแก้วิกฤตของเราได้อย่างไร? ติดตามกันเรื่อยๆ จนกว่าจะจบซีรี่ย์ด้วยกันนะครับ
