In-House Training Courses

NEGOTIATION & COMMUNICATION

Empathic Deep listening & Feed forward technique
หลักสูตร ทักษะการฟังอย่างลึกซึ้งและใส่ใจเพื่อทำความเข้าใจ

หลักการและแนวคิด

ทักษะการฟังอย่างลึกซึ้งช่วยทำให้บุคลากรที่แตกต่างกันสามารถเข้าใจกันได้มากขึ้น และเอื้ออำนวยบรรยากาศของการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพจากการฟังได้ การฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening) คือการฟังสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็นการฟังเพื่อคนที่อยู่ข้างหน้า เป็นการฟังเพื่อได้รับรู้ความเข้าใจและข้อมูล และเท่าทันกรอบความคิด ความเชื่อ รวมไปถึงเจตนาของผู้พูด ความรู้สึกของผู้พูด การฟังอย่างลึกซึ้งเป็นทักษะที่ช่วยให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กรและจำเป็นในการสร้างความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งการให้บุคลากรได้มีประสบการณ์ตรงกับการฟังอย่างลึกซึ้งอย่างต่อเนื่องจะช่วยพัฒนาทักษะนี้และทำให้สามารถนำไปใช้ได้จริง

สถาบัน KCTออกแบบหลักสูตรมาเฉพาะสำหรับบุคลากรในองค์กรของท่านเท่านั้น เริ่มจากความเข้าใจถึง หัวใจสำคัญของการฟังอย่างลึกซึ้ง โดยการสอนใช้การบรรยายสลับกับกรณีศึกษา การถาม-ตอบ Discussion กันในห้องเรียนและ Mini Workshop ทำให้สามารถนำความรู้ความเข้าใจไปใช้งานได้จริงทันที เพื่อความสำเร็จขององค์กร

วัตถุประสงค์

เรียนรู้และเข้าใจทฤษฎีการฟังอย่างลึกซึ้งและการโต้ตอบที่มีประสิทธิภาพ
เพื่อให้ผู้เรียนได้รู้จักทักษะการฟังอย่างลึกซึ้ง เข้าใจผู้อื่นและส่งผลลัพธ์ที่ดีต่อการทำงาน
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานผ่านทักษะการฟังอย่างลึกซึ้ง

เนื้อหาของหลักสูตร (Course Outline)

ช่วงเวลา	เนื้อหา
09:00 – 12:00	การฟังอย่างลึกซึ้งคืออะไร? · การฟังอย่างลึกซึ้งแตกต่างกับการฟังทั่ว ๆ ไปอย่างไร? · ประโยชน์ของการฟังอย่างลึกซึ้งในองค์กร ฝึกปฏิบัติการฟังอย่างลึกซึ้ง · เทคนิคการเตรียมพร้อมร่างกาย อารมณ์ และ ลมหายใจ -เปิดการรับรู้ (awareness) เพื่อการเปิดรับสิ่งใหม่ๆ · เทคนิคการรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเพื่อฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening) -เนื้อหา พูดเกี่ยวกับเรื่องอะไร สื่อความหมายอย่างไร WORKSHOP 1 : เข้าใจเนื้อหาคนที่อยู่ข้างหน้าเราต้องการพูด ~ สายตา สังเกตสายตาของผู้พูด การมอง ~ การแสดงออกของใบหน้า การยิ้ม การขมวดคิ้ว ~ ท่าทางหรือภาษากาย non-verbal communication ระหว่างการพูดคุย ~ น้ำเสียง สังเกตน้ำเสียงและเนื้อหาที่พูดอาจไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ~ อารมณ์ ความกังวล สื่อความหมายบางอย่างมากกว่าสิ่งที่ได้พูดออกไป WORKSHOP 2 : เข้าใจอารมณ์ของและถอดรหัสคนที่อยู่ข้างหน้าเราต้องการสื่อสารแต่ไม่ได้พูด ฝึกปฏิบัติการฟังอย่างลึกซึ้งและการโต้ตอบ ~ เทคนิคการตั้งถาม และการเลือกประเภทคำถามเพื่อค้นหาและเข้าใจมากขึ้น WORKSHOP 3 : เข้าใจมากขึ้น ด้วยการตั้งคำถามและการฟังเพื่อเจาะลึกทำความเข้าใจสิ่งที่คนที่อยู่ข้างหน้าเราต้องการพูดมากขึ้น
13:00 – 16:00	ความคิดเท่าทัน รับรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นของตนเอง · เทคนิคการรู้เท่าทันการตัดสินของตนเอง · ฝึกการฟังเสียงที่เกิดขึ้นภายในตัวเอง · เทคนิคการปล่อยวางความคิดที่เกิดจากการพูดคุย · เทคนิคการดึงตนเองมาอยู่กับ “ปัจจุบัน” · การแยกแยะความคิดเท่าทันเสียงตัดสินของตนเอง WORKSHOP 4 : ฝึกจับความคิดเท่าทันความรู้สึกที่เกิดขึ้นของตนเอง ~ เทคนิคการโต้ตอบและการใช้เสียงที่เหมาะสมเพื่อสร้างบรรยากาศในการสื่อสาร (Voicing & Feed forward) WORKSHOP 5 : ฝึกการฟังและโต้ตอบอย่างมีประสิทธิภาพ

ช่วงเวลา

เนื้อหา

09:00 – 12:00

การฟังอย่างลึกซึ้งคืออะไร?

· การฟังอย่างลึกซึ้งแตกต่างกับการฟังทั่ว ๆ ไปอย่างไร?

· ประโยชน์ของการฟังอย่างลึกซึ้งในองค์กร

ฝึกปฏิบัติการฟังอย่างลึกซึ้ง

· เทคนิคการเตรียมพร้อมร่างกาย อารมณ์ และ ลมหายใจ

-เปิดการรับรู้ (awareness) เพื่อการเปิดรับสิ่งใหม่ๆ

· เทคนิคการรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเพื่อฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening)

-เนื้อหา พูดเกี่ยวกับเรื่องอะไร สื่อความหมายอย่างไร

WORKSHOP 1 : เข้าใจเนื้อหาคนที่อยู่ข้างหน้าเราต้องการพูด

~ สายตา สังเกตสายตาของผู้พูด การมอง

~ การแสดงออกของใบหน้า การยิ้ม การขมวดคิ้ว

~ ท่าทางหรือภาษากาย non-verbal communication ระหว่างการพูดคุย

~ น้ำเสียง สังเกตน้ำเสียงและเนื้อหาที่พูดอาจไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

~ อารมณ์ ความกังวล สื่อความหมายบางอย่างมากกว่าสิ่งที่ได้พูดออกไป

WORKSHOP 2 : เข้าใจอารมณ์ของและถอดรหัสคนที่อยู่ข้างหน้าเราต้องการสื่อสารแต่ไม่ได้พูด

ฝึกปฏิบัติการฟังอย่างลึกซึ้งและการโต้ตอบ

~ เทคนิคการตั้งถาม และการเลือกประเภทคำถามเพื่อค้นหาและเข้าใจมากขึ้น

WORKSHOP 3 : เข้าใจมากขึ้น ด้วยการตั้งคำถามและการฟังเพื่อเจาะลึกทำความเข้าใจสิ่งที่คนที่อยู่ข้างหน้าเราต้องการพูดมากขึ้น

13:00 – 16:00

ความคิดเท่าทัน รับรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นของตนเอง

· เทคนิคการรู้เท่าทันการตัดสินของตนเอง

· ฝึกการฟังเสียงที่เกิดขึ้นภายในตัวเอง

· เทคนิคการปล่อยวางความคิดที่เกิดจากการพูดคุย

· เทคนิคการดึงตนเองมาอยู่กับ “ปัจจุบัน”

· การแยกแยะความคิดเท่าทันเสียงตัดสินของตนเอง

WORKSHOP 4 : ฝึกจับความคิดเท่าทันความรู้สึกที่เกิดขึ้นของตนเอง

~ เทคนิคการโต้ตอบและการใช้เสียงที่เหมาะสมเพื่อสร้างบรรยากาศในการสื่อสาร (Voicing & Feed forward)

WORKSHOP 5 : ฝึกการฟังและโต้ตอบอย่างมีประสิทธิภาพ

หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับ

ผู้บริหาร
ผู้จัดการ
หัวหน้างาน
ผู้เกี่ยวข้องในระดับปฏิบัติงาน จำนวนไม่เกิน 30 คน

สถานที่อบรม

ลูกค้าเป็นผู้ดำเนินการ

ระยะเวลาดำเนินการฝึกอบรม

การอบรมใช้ระยะเวลาทั้งสิ้นจำนวน 1 วัน (09.00 น. – 16.00 น.) โดยการอบรมจะประกอบด้วยการบรรยายทฤษฎีและหลักการ กิจกรรมปฏิบัติการกลุ่มและการฝึกประยุกต์ความรู้จากการฝึกอบรม ความท้าทายหรือวาระที่เกี่ยวข้องกับการวัดและประเมินผลการดำเนินงาน (ตามความเหมาะสม)

วิธีการดำเนินหลักสูตร

เพื่อให้การถ่ายทอดองค์ความรู้สามารถนำไปสู่ประโยชน์ต่อองค์กรและสอดคล้องกับบริบททางธุรกิจของแต่ละองค์กร เนื้อหาหลักสูตรจะได้รับการออกแบบให้เหมาะสมและตามความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กร (Customized) โดยดำเนินการจัดอบรมภายในองค์กร (In House Training) ในวันและเวลาที่องค์กรสะดวกและบุคลากรมีความพร้อมในการเข้าอบรมอย่างพร้อมเพรียง
เน้นรูปแบบการอบรมเชิงปฏิบัติการควบคู่กับทฤษฎี และกรณีตัวอย่าง เพื่ออธิบายประมวลสรุปให้บุคลากรผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความเข้าใจและมีทักษะเบื้องต้นเพียงพอในการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ต่อไป

แนวทางที่ใช้ในการอบรม

แนวทางการสัมมนาและรูปแบบการเรียนรู้ : ทฤษฎี 30 : ปฏิบัติ 70

บรรยาย ถ่ายทอดความรู้ให้ผู้เข้าอบรม

กิจกรรมกลุ่มระดมความคิด ผู้เข้าอบรมได้เข้าไป “มีส่วนร่วม”

ตัวอย่าง/กรณีศึกษาประกอบ เพื่อเห็น “ภาพที่ชัดเจน” มากยิ่งขึ้น

การเสวนาตีความ วิเคราะห์เพื่อเข้าใจให้เชิงลึกเพื่อการประยุกต์ใช้

การสัมมนาใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบผู้ใหญ่ (Adult Learning) ด้วยวิธีการบรรยายควบคู่กับการปฏิบัติ เน้นการบรรยายแบบให้ผู้เข้าสัมมนาเป็นศูนย์กลางการอบรมการตั้งประเด็นคำถามเพื่อให้ผู้เรียนได้ใช้ความคิด แลกเปลี่ยนประสบการณ์ มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและนำเสนอ เพื่อให้เกิดความเข้าใจเนื้อหาอย่างแท้จริง และ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทันที
เนื้อหาของโปรแกรมมีทั้งการบรรยายให้ความรู้ พร้อม VDO ประกอบการบรรยาย, กิจกรรมกลุ่มการระดมความคิด (Brainstorming) , การฝึกปฏิบัติการ (Work Shop), กรณีศึกษาและสถานการณ์จำลอง (Case Study and Simulation) และ การนำเสนอ (Present) ทำให้การเรียนรู้ เกิดเข้าใจด้วยตัวเองอย่างแท้จริง