คุณอยากให้ใครๆ เรียกคุณว่า “โฆษก” หรือ “พิธีกร”
ขอถามใหม่นะ! คุณอยากเป็น “พิธีกร” หรือ “โฆษก”
เริ่มสับสนกันแล้วใช่มั๊ยกับการที่ถูกเรียกว่า “โฆษก” บ้างล่ะ “พิธีกร” บ้างล่ะ ตกลงคนที่ยืนถือไมค์ในงานใดหรือกิจกรรมใด แล้วพูดนั่นพูดนี่อยู่ต่อหน้าสาธารณชนคนเยอะๆ เค้าควรต้องถูกเรียกว่าอะไรกันแน่ จึงจะถูกต้อง ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่ถูกเรียกทั้งสองคำนี้ ซึ่งนั่นก็แล้วแต่ว่าใครอยากจะเรียกเราหรือกำหนดให้เราเป็นอะไร เมื่อเวลาออกไปทำหน้าที่พูดอยู่หน้า Prodium หรือพูดอยู่บนเวที คนส่วนใหญ่เลยแยกไม่ออกว่า พูดแบบไหนเป็นการพูดในฐานะเป็น “โฆษก” พูดแบบไหนเป็นการพูดในฐานะเป็น “พิธีกร” ถ้าอย่างนั้นเรามาหาคำตอบและแยกแยะให้ออก จะได้ไม่ต้องสับสนกันอีก แล้วก็เรียกให้ถูกต้องต่อจากนี้ไป
“พิธีกร” ภาษาอังกฤษใช้ Master of Ceremony : MC
“พิธีกร” ไม่ใช่คนที่ ” มือถือไมค์ ไฟส่องหน้า ” หรือใครๆ ก็เป็นได้ หากแต่ต้องอาศัยความรู้ ความชำนาญ ความเข้าใจ และปฏิภาณไหวพริบหลายๆ อย่างมาประกอบกันเพื่อทำให้งานดำเนินไปสู่จุดหมายปลายทางของงาน พิธีกร ไม่ใช่ผู้ประกาศ พิธีกรไม่ใช่ตัวตลก พิธีกรไม่ใช่ผู้โฆษณา พิธีกรไม่ใช่ผู้ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ และพิธีกรไม่ใช่ผู้พูดสลับฉากบนเวที แต่พิธีกรเป็นที่รวมของบทบาทหน้าที่อย่างน้อย 4 ประการ คือ
• เป็นเจ้าของเวที (Stage Owner)
• เป็นผู้ดำเนินรายการ (Program Monitor)
• เป็นผู้แก้สถานการณ์เฉพาะหน้า (Situation Controller)
• เป็นผู้ประสานงานบันเทิงและสังคม (Social Linkage)
สรุปว่า พิธีกร หมายถึง ผู้ที่ทำหน้าที่ควบคุมและดำเนินการในงานพิธีต่างๆ โดยหน้าที่หลักคือ กำกับ/นำ/อำนวยการ ให้กิจกรรม รายการต่างๆ เป็นไปให้แล้วเสร็จ เรียบร้อยตามวัตถุประสงค์และกำหนดการที่วางไว้ ตั้งแต่เริ่มต้นกล่าวต้อนรับ จนกระทั่งกล่าวขอบคุณและปิดงาน
หากใครอยากรู้อย่างละเอียดเกี่ยวกับหน้าที่ของพิธีกร ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งปิดงานผู้เขียนจัดให้ค่ะ.
1.เป็นผู้ให้ข้อมูลแก่ผู้ฟัง / ผู้ชม / ผู้เข้าร่วมพิธี ดังนี้
- แจ้งกำหนดการ
2. แจ้งรายละเอียดของรายการ
3. แนะนำผู้พูด ผู้แสดง
4. ผู้ดำเนินการอภิปรายและอื่น ๆ
2. เป็นผู้เริ่มกิจกรรม / งาน / พิธี / รายการ เช่น
1. กล่าวทักทาย ต้อนรับเชิญเข้าสู่งาน
2. เชิญเข้าสู่พิธี ดำเนินรายการต่าง ๆ แล้วแต่กิจกรรม
2. เชิญ เปิดงาน – ปิดงาน
3. เป็นผู้เชื่อมโยงกิจกรรม / งาน / พิธี / รายการต่าง ๆ เช่น
1. กล่าวเชื่อมโยงเหตุการณ์ตามลำดับ
2. แจ้งให้ทราบเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการ
3. แจ้งขอความร่วมมือ
4. กล่าวเชื่อมโยงรายการให้ชวนติดตาม
5. เป็นผู้ส่งเสริมจุดเด่นให้งานหรือกิจกรรมและบุคคลสำคัญในงานพิธี / รายการโดยพิธีกรจะต้องเป็นผู้ทำหน้าที่ในวาระที่เหมาะสม เช่น
6. กล่าวยกย่องสรรเสริญ ชื่นชมบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องในพิธี
7. กล่าวถึงจุดเด่นของงานพิธีนั้น ๆ
8. กล่าวแจ้งผลรางวัลและการมอบรางวัล
4. เป็นผู้ที่สร้างสีสัน บรรยากาศของงาน / พิธี / รายการ เช่น
1. ให้ข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติมเป็นระยะ
2. มีมุขขำขึ้นเป็นระยะๆ
5. เป็นผู้เสริมสร้างความสมานฉันท์ในงาน / กลุ่มผู้ร่วมงาน เช่น
1. กล่าวละลายพฤติกรรม
2. กล่าวจูงใจให้รักสามัคคี
6. เป็นผู้เติมช่องว่างและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในงานพิธีต่าง ๆ เช่น
1. กล่าวชี้แจงกรณีบุคคลสำคัญไม่สามารถมาช่วยงานพิธีต่าง ๆ ได้
2. กล่าวทำความเข้าใจกรณีต้องเปลี่ยนแปลงกำหนดการ
สำหรับคนที่ทำหน้าที่เป็นพิธีกรสิ่งที่ต้องคำนึงถึงและพึงระมัดระวังคือ
- ต้องดูดีมีบุคลิก
- ต้องรักษาเวลาอย่างเคร่งครัด
- ต้องแสดงออกอย่างสุภาพและให้เกียรติ ร่าเริงแจ่มใส ให้ความเป็นกันเอง
- ต้องมีการประสานงานด้านข้อมูล และพร้อมเผชิญปัญหาโดยไม่หงุดหงิด
- ต้องใช้ภาษาให้ถูกต้องชัดเจนให้ชวนฟัง น่าติดตาม
- ต้องเสริมจุดเด่นของคนอื่นไม่ใช่ของตนเอง
- สร้างความประทับใจ ด้านสุภาษิต หรือคำคม จึงต้องเป็นคนที่ชอบสะสม “คลังคำ”
ดังนั้น พิธีกร จึงต้องมีความรู้พื้นฐาน 4 อย่าง คือ
- รู้ลำดับรายการ
- รู้รายละเอียดของแต่ละรายการ
- รู้จักผู้เกี่ยวข้องในแต่ละรายการ ( ใครจะมารับช่วงเวทีในลำดับต่อไป )
รู้กาลเทศะ ( ไม่เล่นหรือล้อเลียนจนเกินขอบเขต ต้องมีความพอดี )
เรามาดูกันว่า โอกาสแบบใดบ้าง ที่จำเป็นต้องมีคนทำหน้าที่เป็นพิธีกร ได้แก่
- ผู้ดำเนินรายการบนเวทีในงานแสดงต่างๆ เช่น ดนตรี ละคร โชว์ ฯลฯ
- เป็นผู้ดำเนินการอภิปราย โต้วาที ยอวาที แซววาที
- แนะนำองค์ปาฐก ผู้บรรยายรับเชิญ
- จัดรายการทางวิทยุกระจายเสียง
- จัดรายการทางโทรทัศน์
- ดำเนินรายการในงานพระราชพิธี งานพิธี และงานมงคลต่างๆ
แต่การเป็นพิธีกรที่ดี ก็ต้องอาศัยการเตรียมการและความพร้อมทั้งต่อตัวเองและสถานที่เพื่อให้มั่นใจได้ว่า เมื่อถึงเวลาตามกำหนดการของงาน ทุกอย่าง perfect ผู้เขียนจึงมีเทคนิค 7 ประการในการเป็นพิธีกรมาบอกกันค่ะ
- ต้องมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ( พักผ่อนเพียงพอ )
- ต้องมาถึงบริเวณงานก่อนเวลา ( อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง )
- สำรวจความพร้อมของเวที แสง สี และเสียง ( ทดสอบจนแน่ใจ )
- เปิดรายการด้วยความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
- ดึงดูดความสนใจมาสู่เวทีได้ตลอดเวลา ( ทุกครั้งที่พูด ) อย่าทิ้งเวที
- แก้ปัญหาหรือควบคุมสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างดี
- ดำเนินรายการจนจบ หรือบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
ฉะนั้น ผู้เขียนจึงขอสรุปภาพของคนที่เป็นพิธีกรที่ดี มีความสามารถ ต้องฝึกฝนเรียนรู้ในหลักการ และสร้างเสน่ห์หรือกลยุทธ์ในการพูดให้ตัวเองดูน่าสนใจ ดังนี้
- เตรียมพร้อม
- ซ้อมดี
- ท่าทีสง่า
- หน้าตาสุขุม
- ทักที่ประชุมอย่าวกวน
- เริ่มต้นให้โน้มน้าว
- เรื่องราวให้กระชับ
- จับตาที่คนฟัง
- เสียงดังให้พอดี
- อย่าให้มีเอ้ออ้า
- ไม่ประหม่าสายตามอง
- ยิ้มย่องผ่องใสตลอดเวลา
“โฆษก” ภาษาอังกฤษใช้ Spokesman/Spokeswoman
โฆษก มีหน้าที่ให้ข่าว แถลงข่าว ให้สัมภาษณ์ ชี้แจงข้อเท็จจริง ทั้งข่าวที่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานประจำหรือภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ข่าวสารในลักษณะวิชาการซึ่งสมควรเผยแพร่แก่ประชาชน ในอำนาจหน้าที่ขององค์กรนั้นๆ ต่อสื่อมวลชน รวมทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับนโยบายและผลงานองค์กร เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สาธารณชน ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ โดยมีคณะทำงานโฆษกและประชาสัมพันธ์ ช่วยทำหน้าที่สนับสนุนในการรวบรวมข้อมูลข่าวสารและเอกสารหลักฐาน จัดทำแผนประชาสัมพันธ์ขององค์กร จัดแถลงข่าว และประสานงานสื่อมวลชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอก ตามที่ได้รับมอบหมาย ทั้งนี้ เพื่อให้ได้รับความสนับสนุนร่วมมือ อันจะทำให้กิจการงานนั้นๆ ประสบผลสำเร็จ ได้ตามวัตถุประสงค์ โดยต้องมีวิธีการที่แตกต่างในแต่ละกิจกรรม เช่น
• การบอกกล่าว
• การชี้แจง
• การเผยแพร่
• แก้ความเข้าใจผิด
• การสำรวจประชามติ
เรามักได้ยินหรือรู้จักโฆษกของพรรคการเมืองในการปราศรัยหาเสียง หรือในงานแถลงข่าว ที่ต้องให้ข่าวต่อสื่อมวลชนในฐานะ “โฆษกพรรค” ที่ต้องทำหน้าที่เป็นตัวแทนออกมาพูดบอกกล่าวสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนในนโยบายพรรค หลักการ แนวคิด วิธีการทำงาน หรืออาจเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริง / แก้ข่าวที่อาจเกิดความเข้าใจผิดต่อประชาชนผ่านสื่อมวลชนอยู่เสมอ เป็นต้น
ดังนั้น เมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว ทุกคนคงจะแยกแยะออกแล้วนะคะว่า “พิธีกร” กับ “โฆษก” มีความแตกต่างกันในบทบาทของการทำหน้าที่อย่างไรบ้าง
แต่อย่างไรก็ตาม แม้บางงาน บางกิจกรรม “พิธีกรหรือโฆษก” ก็อาจจะเป็นบุคคลคนเดียวกันในกิจกรรมนั้นๆ ก็ได้ เพราะต้องทำหน้าที่สร้างความเข้าใจในข้อมูล ต่อเหตุการณ์ต่างๆ ต่อกิจกรรมต่างๆ ภายใต้ข้อเท็จจริง ให้ทัศนะในโอกาสที่จะต้องปฏิบัติในแต่ละสถานการณ์ ในแต่ละกิจกรรม แต่ว่าพิธีกร จะถูกกล่าวถึงมากในกรณีที่เป็นทางการ ส่วนโฆษกจะเป็นคำที่เรียกใช้ในส่วนที่ก่อนถึงเวลาดำเนินกิจกรรมต่างๆ หรือบางครั้งในท้องถิ่นชนบทจะเรียกรวมกันเช่น
“ โฆษกพิธีกร ดำเนินการ ต่อไป ” ไม่ว่าจะเรียกว่าพิธีกรหรือโฆษกในกิจกรรมนั้น ๆ จะต้องเป็นการพูดในที่ชุมชน นั่นคือการพูดต่อหน้าคนเป็นจำนวนมากทุกครั้ง เป็นการพูดในที่ชุมชน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก ถ้าหากพูดผิดก็จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อตนเองและองค์กร และถ้าหากทำดีพูดดีก็จะมีสง่าราศีแก่ตนเองเช่นกัน ดังสุภาษิต ของสุนทรภู่ ที่มีมาแต่โบราณ แต่ก็ยังใช้ได้ดีจนถึงปัจจุบัน ที่ว่า
“ ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต แม้พูดชั่วตัวตายทำลายมิตร จะชอบผิดอยู่ที่พูดให้ถูกทาง ”
ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่พิธีกร หรือโฆษก ผู้ประกาศ พิธีกรหรือโฆษก ก็จะต้องมีการเตรียมตัวในการทำหน้าที่สำคัญ ดังนี้
- ศึกษาข้อมูล / วิเคราะห์สถานการณ์ ผู้นำ ผู้ชม โอกาส วัตถุประสงค์ของงานพิธี รายการที่กำหนดไว้ เพื่อทราบความมุ่งหมายของการทำหน้าที่
- เตรียมเนื้อหาและคำพูด เริ่มต้นอย่างไร ? มุขตลก ขำขัน แทรกอย่างไร คำคม ลูกเล่น จุดเด่นที่ควรกล่าวถึง ต้องเตรียมค้นคว้าศึกษาจากศูนย์ข้อมูลมาให้พร้อม
- ตรวจสอบความเหมาะสม ของบทความที่เตรียมมาว่าเหมาะสมกับเวลาหรือไม่
- ต้องมีการฝึกซ้อมไม่ว่าจะซ้อมหลอกหรือซ้อมจริง ต้องมีการฝึกซ้อม
- ศึกษาสถานที่จัดงานหรือพิธีที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
- เตรียมเสื้อผ้าและชุดการแต่งกาย อย่างเหมาะสมกับกิจกรรม พร้อมดูแลตั้งแต่ หัวจรดเท้า
ท้ายที่สุดนี้ ขอฝากไว้สำหรับคนที่จะทำหน้าที่พิธีกร หรือโฆษก ด้วยประโยคนี้นะคะ
“ทำจิตให้แจ่มใส ไปถึงก่อนเวลา อุ่นเครื่องแก้ประหม่า ทำหน้าที่สุดฝีมือ เลื่องลือด้วยผลงาน”
About the Author
ดร. ณิชานาฏ บรรจงจิตร
วิทยากรประจำสถาบัน KCT Academy และ อดีตที่ปรึกษาหลักสูตรการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้อำนวยการสำนักงานโฆษกคณะกรรมการการเลือกตั้ง และ ผู้ดำเนินรายการวิทยุ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย